เปิดทุกเรื่องราวชีวิต! MAN'R กับการเดินทางสายดนตรี และตัวตนที่แท้จริง อายุ20 เป็นเสาหลักครอบครัวได้ (มีคลิป)
หลายคนคงรู้จักและคงเคยได้ยินเสียงของ นักร้องวัยรุ่น นักร้องรุ่นใหม่ MAN'R แมนอาร์ หรือ แมน ภานุวัฒน์ เสนสี เจ้าของเพลงฮิตหลายเพลง อาทิ บอกรักเป็นกลอน , บ้านพี่สกลหนาวแล้ว , อาจดูร้ายเกินไปในบางที , หน้าสุดท้ายของปฏิทิน , คืนที่ฟ้านสกาว , ดันไปรักเธอง่ายไป ฯลฯ ที่ไม่ว่าจะปล่อยเพลงอะไรมาก็ขึ้นเทรนด์เพลงฮิตบน Youtube อย่างต่อเนื่อง และกับเพลง บ้านพี่สกลหนาวแล้ว เสียงร้องและแนวดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้เพลงนี้พุ่งเกิน 155 ล้านวิวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (155,571,131 (28 พ.ย.)
ซึ่ง แมนอาร์ เป็นเด็กหนุ่มรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง เด็กที่เริ่มทำดนตรีจากความชอบ และความรู้เป็นศูนย์ แต่ความพยายามการลองผิดลองถูก การเรียนรู้และการซัพพอร์ทของคนในครอบครัว ทำให้เขามายืนอยู่ตรงนี้ได้ ซึ่งทางทีม TrueID Music ได้สัมภาษณ์ออนไลน์ผ่าน TrueVRoom ถึงเส้นทางการเริ่มทำเพลงของ แมนอาร์ ตลอดจนเรื่องราวที่หลายคนอยากรู้ วันนี้แฟนๆ จะได้รู้พร้อมๆ กัน โดย MAN'R แมนอาร์ เผยความรู้สึกแรกว่าตื่นเต้นในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ พร้อมเล่าเรื่องราวจุดเริ่มต้นของการทำเพลงว่า
- เพลงแร็พใหม่มาแรง! เพลง คืนที่ฟ้าสกาว MAN'R X BEARING วันเดียวขึ้นแท่นเพลงฮิต อันดับ1 (มีคลิป)
- ที่1มาแรง! MV เราแค่ผ่านมาเจอกัน MAN'R 15ชั่วโมงขึ้นแท่นเพลงใหม่มาแรงอันดับ1 ยอดวิวเกือบครึ่งล้าน (มีคลิป)
- ประวัติ แมนอาร์ MAN'R หรือ แมน ภานุวัฒน์ เสนสี เสาหลักครอบครัววัย20 เพลงติดเทรนด์มาแรงทุกเพลง (มีคลิป)
จุดเริ่มต้นของการทำเพลง?
MAN'R : ทำเพลงเริ่มจากความชอบครับ ชอบอย่างเดียวเลย คือผมเป็นคนที่ชอบเพลงมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เป็นคนที่ไม่รู้ตัวเองว่าตัวเองชอบอะไรรู้แค่เพียงว่าตัวเองชอบร้องเพลง แต่งเพลง ก็เลยแต่งเพลงมาตั้งแต่ม.1 ร้องเพลงมาตั้งแต่ป.5 - ป.6 จนมาอยู่มัธยมเห็นหลายๆ คนเขาเริ่มมาทำเพลงเอง เลยเห็นแนวทางว่าคนที่ไม่ได้มีงบเยอะก็ทำเพลงได้ ก็เลยรู้สึกว่าอยากลองทำดู เพราะตัวเองก็ชอบ เริ่มทำจริงๆ ตอนอยู่ ม.6 แต่มาปล่อยเพลงจริงๆ แรกๆ ตอนจบม.6 ครับ
ตอนนี้เรียนที่ไหนยังไง?
MAN'R : ตอนนี้ไมได้เรียนครับ คือตอนแรกผมเรียนปวส.ครับ พอจบม.6 แต่ว่าผมห่วงบ้านครับ ผมห่วงพ่อกับแม่ครับ ผมก็เลยไปคุยกับพ่อแม่ว่าผมขอไม่เรียนดีกว่า ก็เลยออกมาจากโรงเรียนมา มาทำสวน คือตอนที่ผมอยู่ ม.4-ม.6 ผมต้องทำสวนยางช่วยพ่อครับ แต่พอจบม.6 ไปผมต้องไปเรียนต่างจังหวัดแล้วต้องทิ้งทุกอย่างให้พ่อทำ ตอนแรกที่ไปเรียนเทอมแรกไม่มีความสุขเลยครับ ไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนแบบวัยรุ่นทั่วไปเลย รู้สึกละอายใจจะขอตังค์ไปเที่ยวรู้สึกไม่โอเคกับการอู่หอ อบู่สังคมแบนั้น ผมเลยติดสินใจตอนจบเทอมแรกว่าตัดสินใจออกจากโรงเรียนเลย ตอนนั้นผมจำได้ว่าผมยังไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรเลย ยังไม่มีคนรู้จักเลยแต่ว่าทำเพลงอยู่ แต่ประเด็นหลักๆ ก็คือพ่อกับแม่ เพราะตอนนั้นพ่อผมอายุ 66 หรือ 67 นี่แหละครับ พ่อแกแก่มาก ถ้าผมไปเรียนต่างจังหวัดผมก็ต้องทิ้งทุกอย่างให้แกทำ ผมก็เลยรู้สึกว่าผมขอกลับมาอยู่บ้านดีกว่า เพราะผมเห็นว่าใบปริญญาไม่เห็นทำความสำคัญอะไรกับพ่อกับแม่ผมเลย บางครั้งได้วุฒิการศึกษามา ได้ใบปริญญามามันก็ไม่ได้ให้แม่สบาย ผมก็เลยเลือกที่จะกลับมาดูแลแกตอนที่แกยังอยู่ดีกว่า มันเป็นความโชคดีของผมด้วยครับที่ผมเลือกเดินออกจากโรงเรียนเดือนแรก ผมได้ตังค์ Youtube เดือนแรกเลย
ตอนที่เราตัดสินใจที่จะไม่เรียนแล้วพ่อแม่ว่ายังไงบ้าง?
MAN'R : ก็มีการถามว่าคิดดีแล้วใช่ไหมที่จะไม่เรียน ผมก็บอกว่าดีแล้วครับ เพราะตอนนั้นผมคิดเป็นเดือนนะครับ ตอนผมไปเรียน 4 เดือนเทอมหนึ่งผมก็คิดทั้ง 4 เดือนเลยครับ คิดว่ามาอยู่นี้ทำไม มาอยู่ทำไม มาอยู่ทำไมในห้องสี่เหลี่ยม แล้วมาเรียนในเมืองทำไม คิดทุกวันร้องไห้ ร้องไห้บ่อยมาก เพราะรู้สึกสงสารพ่อทำงาน คือผมคิดว่าใบปริญญามันไม่ได้สำคัญอะไรกับผมเลย ที่สำคัญก็คือพ่อแล้วก็แม่ ถ้าผมเอาแต่เรียนแล้ววันหนึ่งพ่อทำงานเหนื่อยแล้วเป็นอะไรไปผมจะไม่เสียใจเหรอ ผมคิดแบบนี้ผมเลยตัดสินใจไปดูแลแกดีกว่า ผมมีพี่ก็จริงนะครับ แต่ว่าพี่ผมไม่ได้อยู่บ้าน พี่ก็ต่างคนต่างไปทำงาน และก็มีผมแล้วก็พ่อที่ต้องทำงานคนเดียว ก็เลยรู้สึกว่ากลับมาดีกว่ากลับมาดูแลแกตอนนั้น ไม่ได้คิดอะไรเลย คิดแค่กลับมาดูแลพ่อ อนาคตผมรู้สึกว่ามันไม่สำคัญกับใบปริญญา ผมก็มีความรู้ตัดตัวอยู่บ้าง จบม. 6 แค่นั้นผมรู้สึกว่าโอเคแล้ว สำหรับผมนะ แต่สำหรับคนอื่นไม่รู้เขามองยังไง แต่ผมมองว่าการเรียนมันคือการเอาสังคมมากกว่า
เพลงที่ทำให้ได้เงินก้อนแรก?
MAN'R : เพลงภาพของเราในวันวานครับ เป็นเพลงและเงินก้อนแรกที่ได้ครับ ทำมาประมาณ 8-9 เดือนครับ เพิ่งได้เดือนแรกตอนนั้นครับ ดีใจมากเลยครับ
พอได้เงินก้อนแรกมาพ่อแม่ว่ายังไงบ้าง?
MAN'R : ตอนแรกได้มายังไม่ได้บอกแม่ ยังไม่ได้บอกให้แกรู้ เพราะมันไม่ได้เยอะครับตอนนั้น แต่ว่าตอนนั้นมันเยอะสำหรับผม มันได้ประมาณหมื่นห้านี่แหละครับ แต่มันเยอะและผมชอบทำงานแล้วเอาไปลงทุนกับเพลงนี่หละครับ พอผมหาตังค์ได้ผมก็เลือกที่จะเก็บตังค์มาลงกับเพลง ทำสวนยางไปกรีดยางทำนั้นทำนี้พอได้ตังค์มาผมก็จะเอาไปซื้ออุปกรณ์มาทำเพลง เพราะผมไม่รู้ว่าผมจะเอาตังค์ไปลงกับอะไร เพราะผมชอบทำเพลง ตอนนั้ที่ได้ตังค์มาหมื่นห้าผมเอาไปซื้อเลนส์กล้องเพื่อที่จะเอามาถ่ายตัวเองในเพลงต่อๆ ไป ตอนนั้นยังไม่ได้บอกแม่เลยครับ
เพลงของแมนอาร์คือเพลงแนวไหนเพราะมันต่างจากเพลงปัจจุบันอยู่เหมือนกัน?
MAN'R : ตอนแรกผมก็รู้สึกว่าผมเหมือนทุกคนนะ ตอนที่ทำแรกๆ ผมรู้สึกว่าผมชอบคนๆ หนึ่งครับ พี่ P.A.P BEAT BAND เป็นศิลปินที่ผมชอบมากๆ เลย ตอนนี้ก็เป็นพี่เป็นน้องกันแหละ รู้จักกัน เมื่อก่อนผมก็ไปชอบแกแหละ ผมไปฟังแล้วรู้วึกว่าคนนี้เก่ง ผมชอบเพลงที่มันมีคำไทยนะครับ เพราะว่าแต่ก่อนตอนอยู่ม.ต้น ผมเป็นนักร้องวงโปงลางโรงเรียน ลูกทุ่งเลยเป็นลูกทุ่งจ๋าไปเลย ตอนนั้นพอผมมาทำเพลงผมก็ชอบสไตล์ใหม่ๆ ด้วย แต่ตอนนั้นผมรู้สึกว่าผมทำติดกลิ่นพี่ P.A.P BEAT BAND มากๆ แต่พอทุกคนฟังทุกคนบอกว่าไม่เหมือนใคร ทุกคนจะบอกแต่แบบนี้ แต่สำหรับผมตอนนี้ถ้าผมเดานะ ผมก็ไม่รู้ว่าแนวดนตรีของผมเรียกว่าอะไร แต่ผมรู้สึกว่าผมร้องเป็นลูกทุ่งนั้นแหละแต่มีความใหม่ของบีทนะครับ เป็นบีทร้องเอื้อนๆ ลูกทุ่ง ผสมผสานอะไรใหม่ๆ เข้าไป
ทำไมถึงคิดทำแนวนี้ออกมาทั้งๆ ที่ตอนที่ทำอาจจะไม่ได้เป็นที่นิยม?
MAN'R : ชอบครับ ชอบล้วนๆ เลย เพราะว่าเราทำเพลง คือคนอื่นจะชอบหรือไม่ชอบไม่รู้นะครับ แต่พอผมได้ทำผมรู้สึกว่าเราชอบยังไงเราก็แต่งมาแบบนั้นเลย ทำยังไงก็ได้ที่เราชอบ มันมีคนที่ชอบไม่ชอบสไตล์เรา เราเลยยึดที่เราชอบ ผมเลยยึดที่ตัวเองชอบมาโดยตลอดเลย
เพลงติดเทรนด์ Youtube แทบจะทุกเพลงเลย?
MAN'R : ตอนแรกดีใจมากครับ หลังๆ มาวิวจะไม่เท่าแต่ก่อน ช่วงที่คนรู้จักใหม่ๆ คือช่วงนั้นกระแสดีมาก ตอนนี้ก็กลางๆ ไม่ได้อะไรมาก แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสนะครับ ผมแค่รู้ว่าผมเลี้ยงแม่ผมได้ จะถามว่าอิ่มตัวไหม ก็ไม่ครับ แต่ผมได้จากมันเยอะแล้วจากที่ผมไม่ได้คาดหวัง จะมีคนมาฟังเป็นล้าน จะมีคนติดตามเป็นล้านไม่เคยคิดเลยนะครับ คิดแต่ว่าตัวเองชอบอ่ะทำ ตัวเองชอบอ่ะทำ แค่นี้แต่ว่าทุกวันนี้มันเกินคาดไปเลย มีคอนเสิร์ตที่เป็นของตัวเองที่ไปทัวร์แล้วก็มีงาน ดีใจครับเพราะว่ามันเกิดที่คิดไว้เยอะเลย
ถ้าจ้างแมนอาร์ต้องเตรียมเงินเท่าไหร่?
MAN'R : ถ้าเป็นวงแสดงสดก็ประมาณ 5 หมื่น - 6 หมื่น นะครับ อันนี้คือยังไม่รวมค่าเดินทางครับ
เพลงที่ทำออกมาหยิบเนื้อหามาจากไหน?
MAN'R : ส่วนมากเรื่องจริงครับ โดยตรงมากกว่าจะสื่อความเป็นตัวเองไป แล้วก็แบบถ้าพูดง่ายๆ ก็เหมือนกับในเพลงจะมีเรื่องจริงอยู่ 70% อีก 30% เติมให้มันซึ้งเติมให้เศร้า แต่หลักๆ ก็คือมาจากเรื่องจริงครับ
ในการที่เราจะฟีเจอริ่งกับใครเราเลือกจากอะไร?
MAN'R : ถ้าเป็นตัวผมนะครับ ผมจะเลือกที่ว่าเพลงนี้มันขาดไหม สมมตินั่งแต่งอยู่แล้วมันเหมือนขาดอะไปสักอย่างขาดคนมาเติม ก็จะเอาเพื่อนหรือคนรู้จักที่เราชอบผลงานมาทำด้วย แต่ถ้าเพลงไหนที่ผมรู้สึกว่าผมเล่าเรื่องยังไม่สุดผมก็จะเขียนต่อคนเดียวจนจบครับ
จุดเริ่มต้นของการทำเพลงกับ ก้อง ห้วยไร่?
MAN'R : ช่วงนั้นผมร้องเพลงลง Tiktok กับเพื่อนครับ แล้วมีคนไปเห็นคลิปแล้วก็เป็นไวรัลอยู่ช่วงหนึ่ง แล้วมีคนเอาไปแปลงเป็นบ้านพี่อยู่อุบล บ้านพี่อยู่อะไรกันเยอะมาก และช่วงนั้นกระแสมันดี แล้วพี่ก้องเขาเห็นผมเป็นเด็กสกล เขาเลยชวนผมไปร่วมงานครับ ผมก็ดีใจครับ ก็เป็นแฟนคลับพี่เขาอยู่แล้วก็ได้ร่วมงานกันครับ
เพลงบ้านพี่สกลหนาวแล้วใครเป็นคนแต่ง?
MAN'R : ผมกับเพื่อนครับ ไม่ได้เขียนคนเดียวครับเครดิตผมให้กับเพื่อนด้วย (ณ ตอนนี้ยอดวิวก็ยังพุ่งขึ้นอยู่เรื่อย?) ก็ดีใจครับ ไม่คิดว่าจะมีเพลงที่ขึ้นร้อยล้านขึ้นได้ครับ ดีใจครับ ไม่รู้จะพูดว่ายังไง เพราะว่าเพลงนี้นี่แหละครับที่ทำให้ผมมีงานมีเงิน
เพลงบ้านพี่สกลหนาวแล้วเป็นเพลงแจ้งเกิดได้ไหมหรือว่ามีเพลงอื่นก่อนหน้านี้แล้ว?
MAN'R : ก่อนหน้านั้นมันมี 3-4 เพลงแล้วครับ มีเพลงที่คนรู้จักก่อนหน้านี้ในช่องทางของผมอยู่แล้ว ที่รู้จักว่าผมมีช่อง youtube เป็นของตัวเอง อยู่แล้วครับ แล้วช่วงนั้นผมไปร้องแล้วก็มีเพลงบ้านพี่สกลหนาวแล้วด้วยก็ทำให้มีกระแสเพลงนี้ไปด้วยครับ
จากเด็กธรรมดาจนตอนนี้มีแฟนๆ ที่อยากรู้ว่าเราเป็นใครรู้สึกยังไงบ้าง?
MAN'R : ความรู้สึกมันไม่ต่างจากแต่ก่อนเยอะครับ อย่างไปไหนมาไหนคนจำเราได้ ก็ดีใจแล้วก็มันมีสิ่งเดียวที่ดีใจแฟนคลับด้วยที่คอยติดตาม แล้วสิ่งที่ดีใจที่สุดเลยก็คือมีคนรู้จักขึ้นมา มีเงินที่สามารถเลี้ยงพ่อแม่ได้ ผมภูมิใจที่สุดก็คือพ่อแม่กล้าที่จะพูดให้คนอื่นฟังว่าลูกฉันทำเพลงนะ ไปเปิดให้คนนู้นคนนี้ฟัง มันเป็นความรู้สึกที่ผมไม่เคยมี พ่อกับแม่ไม่เคยภูมิใจอะไรในตัวผมเลย อันนี้ผมรู้สึกนะแต่ท่านอาจจะมีอยู่แหละแต่ท่านอาจจะยังไม่เคยพูด แต่เพลงทำให้ผมรู้ว่าท่านภูมิใจมากที่ผมมาถึงจุดนี้ได้ พ่อกับแม่ไปอวดใครนู้นนี้นั้น และมันทำให้ผมภูมิใจนะครับ ทำให้ผมรู้สึกว่าท่านมีความสุขกับสิ่งที่ผมทำได้
ชีวิตตอนที่ยังไม่มีชื่อเสียงมันต่างกันมั้ย?
MAN'R : ต่างครับ ต่างกันมากๆ ต่างกันอย่างกับคนละโลกกันเลย แต่ก่อนเป็นคนที่ไม่ฝันนะครับ ไม่ค่อยคาดหวังกับอะไร ไม่เคยคาดหวังที่จะมีนั้นมีนี้ ไม่ค่อยคิดนะครับ เป็นวัยรุ่นอยู่สวนอยู่อะไรเฉยๆ ทั่้วไป ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่พอมาถึงจุดนี้ เรารู้สึกว่าเราฝันได้ เราควรฝัน มันมีหลายๆ อย่างที่ต่างกันสังคมเอย คนรอบตัวต่างๆ ผมก็เรียงคำพูดไม่ค่อยถูกเหมือนกันแต่ต่างครับ ต่างมากๆ ต่างจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยนะครับ ต่างจริงๆ แต่ผมรู้สึกว่าผมโชคดีมากๆ ที่ผมได้มายืนตรงจุดนี้ โลกที่ผมไม่คิดว่าจะได้เจอ แต่ก็ได้เจอครับ
การวางตัวของเราต้องระวังมากขึ้นไหมเพราะเราก็เหมือนเป็นไอดอลของเด็กรุ่นใหม่ไปแล้ว?
MAN'R : สำหรับผมการวางตัว ถ้ากับออนไลน์สื่อไอจีต่างๆ ถ้าเรื่องไหนที่ไม่ดีก็จะไม่ลงให้คนเห็น มันก็เป็นวัยรุ่นทั่วๆ ไปครับ แต่ผมก็ไม่ลงไม่ถ่ายอะไรให้คนเห็นเพราะว่ามันก็จะมีบางมุมที่บอกว่าจะลงอะไรจะทำอะไรก็ลงไปเลย เด็กมันจะทำหรือไม่ทำมันก็ไม่เกี่ยกวับเรา แต่สำหรับผมผมรู้สึกว่ามันก็มีส่วนบางครั้งเด็กเห็นอะไรก็อยากจะทำตามมันเลยรู้สึกว่าอะไรที่มันไม่ดีก็ไม่ทำให้คนอื่นเห็น ผมก็วัยรุ่นปกติทั่วไปนี่แหละครับ เพียงแต่ผมรู้ว่าอะไรควรไม่ควรเฉยๆ ครับ
เราเป็นไอดอลเด็กรุ่นใหม่ในการทำเพลงอยากจะแนะนำหรืออยากจะบอกอะไรน้องๆ ไหม ถ้าเขาอยากจะเดินเส้นทางเดียวกับเรา?
MAN'R : ถ้าเรื่องทำเพลงนะครับ ทำเพราะชอยจริงๆ หรือทุกสิ่งทุกอย่างให้เราทำด้วยการที่มีความสุข แต่ถ้าช่วงที่ทำไม่มีความสุขก็ไปไม่ถึงครับ ในมุมผมก็คือถ้าเราชอบเราทำไปเลย ใครจะด่าจะว่ายังไงมีคนพูดให้อยู่แล้ว ใครจะพูดจะว่าอะไรอย่าไปสน เอาหูทวนลมไปบ้างไม่ต้องไปสนใจใครเลย ใครจะด่าจะว่าเรามีความสุขเราทำ คนข้างหลังเรามีความสุขเราทำครับ ทำทุกอย่างเลยอยากทำอะไรก็ทำ ขอแค่มันถูกต้องแล้วเรามีความสุขก็พอครับ ไม่ว่าจะเรื่องเพลงหรือว่าเรื่องไหนๆ อย่าให้คนข้างหลังเดือดร้อน อย่าให้พ่อแม่เดือดร้อนก็พอครับ
ครั้งแรกที่เราทำเพลงเราคาดหวังที่เราจะมาถึงจุดนี้ได้ไหม?
MAN'R : ไม่เคยเลยครับ ตอนทำแรกๆ ผมพูดกับน้อง ทำเพลงปีหนึ่งมีเพลงเพลงเดียวที่ได้ล้านวิวผมพอใจแล้ว ผมไม่ได้คาดหวังแบบว่า ทำเพลงไปต้องรวยมีรถเบนซ์ไม่เคยครับ แต่ทำไปอยากทำขอบครับ แล้วพอไปหาตังค์ได้กรีดยางได้ตังค์ก็เอามาลงกับการทำเพลง ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะเลี้ยงครอบครัวได้ แต่พอมาถึงตอนที่เงิน Youtube เข้าก้อนแรกก็เฮ้ยมันพอที่จะเลี้ยงชีพเราได้แล้ว
โปรดักชั่นการทำเพลงเริ่มแรก?
MAN'R : ผมจำได้ว่าผมอยากทำเพลง ผมก็ทำเพลงไว้บ้างแล้ว ผมก็ไปถามซื้อคอมจากเพื่อน คอมมือสอง ตอนนั้นก็ไปขอตังค์แม่แล้วบอกว่าแม่อยากได้คอม ซื้อต่อเพื่อนก็ได้อยากทำเพลง แต่แม่ก็ได้บ้านผมก็ไมได้รวยนะครับ ถามว่ามีไหมก็ไม่ ก็พอกินนะพี่ แต่ไม่ได้มี ขนาดรถยนต์ยังไม่มีเลยในบ้าน ก็ไปขอตังค์แม่แม่ก็ให้ไปซื้อคอม ผมก็ตื่นแต่เช้าตี 5 ไปกรีดยางเสร็จก็ 7 โมงอาบน้ำไปเรียน ผมได้เงินมาแต่ละเดือนก็ไปซื้อไมค์บ้าง อะไรบ้าง ก็ประมาณ 2-3 นะครับ ค่อยๆ ซื้ออุปกรณ์ต่างๆ นั้นๆ นี้ๆ มาเรื่อยๆ ก็ค่อยๆ ซื้อไป ผมก็หัดมิกซ์เพลงเอง หัดไปประมาณ 6 เดือนได้ก็เลยรู้สึกว่าอยากปล่อยเพลงแรกแล้ว อยากถ่าย MV แต่ผมไม่มีเงินไปจ้างคนอื่นผมไม่มีทุนไปจ้าง ผมเลยไปซื้อมาดีกว่า ซื้อกล้องมาแล้วมาถ่ายกันเองดีกว่า ตัดเองถ่ายเองดีกว่า ตอนนั้นผมจำได้ว่าทำงาน 1-2 เดือนได้เงินประมาณหมื่นนึงนี่แหละครับ ตังค์ไม่พอก็ไปอ้อนแม่ว่าแม่อยากได้กล้องนะ อยากเอามาถ่าย MV ก็ไปขอแม่ ถามว่าแม่มีตังค์ไหมก็ไม่มีแต่แกก็เก็บหอมรอมลิบมานั้นแหละตังค์แม่ แม่ก็ให้มาผมก็ดีใจ ก็ไปซื้อกล้องมาประมาณ 3 หมื่นได้นะครับ เยอะมากนะครับตอนนั้น ก็ถ่ายแล้วน้องเป็นคนถ่ายให้ผมเป็นคนตัดเอง ย้อมสีเองมิกซ์มาสเตอร์เพลงเอง อัดเสียง ส่วนมากเพลงที่ลงไปจะเป็นผมทำเองหมดเลยครับ ผมเอาความรู้ที่น้อยนิดของผมนี่แหละ มีแต่ความชอบทั้งนั้นเลยมาทำ (นางเอก MV เป็นใครเลือกยังไง?) เป็นเพื่อนผมครับ เพลง อาจดูร้ายๆ ในบางที ผมก็ทำเองหมด แล้วนางเอกก็คือเพื่อนสมัย ม. ปลายมาถ่ายให้ ตอนนั้นผมไม่ทุนอะไรเลย โทรไปหาเพื่อนว่ามาถ่ายเพลงให้หน่อย เพื่อนก็มามาช่วย ก็เลยมีตังค์มาจากเพลงนั้นครับ ถามว่าอยากทำดีๆ ไหม อยากทำครับ แต่มันไม่มีงบครับ
เหมือนว่าได้แรงสนับสนุนจากครอบครัวเพราะถ้าครอบครัวไม่ช่วยเหลือด้านเงินทุนในการซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ก็อาจจะไม่ได้เป็นแมนอาร์ในตอนนี้?
MAN'R : ทุกคนเลยครับ คุณพ่ออยากเป็นนักร้องอยู่แล้ว แล้วพอเห็นผมอยากเป็นนักร้องเหมือนที่พ่อเป็นวัยรุ่นก็เลยสนับสนุน ทุนไม่ได้มีเงินหรอกครับ แต่เห็นลูกชอบ พี่ก็สนับสนุนทั้งบ้านเลยสนับสนุนผมหมดเลย ผมรู้สึกดีตรงนี้แหละครับ ที่อย่างหนึ่งก็คือพ่อแม่ผมไม่ได้ปิดกั้นอะไรผมเลยมีแต่ซัพพอร์ทนี้แหละเป็นส่วนหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าครอบครัวผมดีมากๆ ทั้งๆ ที่ครอบครัวไม่ได้มีเงินเลยนะ ผมขอแม่แม่ก็ให้ผมตลอดนี่แหละสิ่งที่ผมคิดว่าดี ครอบครัวผมครับ
ตอนนี้เป็นเสาหลักของครอบครัวไปเลยไหม?
MAN'R : ใช่ครับ เป็นเสาหลักไปเลย เวลาจะใช้ตังค์คิดเยอะมากครับ คิดเยอะมากๆ แบบอยากได้รถ มีตังค์ซื้อนะครับ ซื้อได้เลยแต่ว่าเราต้องนึกย้อนไปข้างหลังด้วย เพราะตอนนี้ผมเริ่มทำธุรกิจด้วยครับ เริ่มทำกับพี่ ผมเป็นคนลงทุนพี่เป็นคนดูแล ผมก็ต้องคิดว่าถ้าผมใช้เงินส่วนนี้ไปแล้ว แล้วมันจะมีเงินมาหมุนธุรกิจหรือเปล่า คิดเยอะครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนทั่วไปก็อยากได้ก็ซื้อ อยากได้ก็ซื้อเลย เรารู้สึกว่าเราไม่ได้เด็กแล้วนะ แล้วรู้สึกว่าเราเป็นเสาหลักด้วย ต้องเซฟเงินต้องห้ามใจตัวเอง จริงๆ ผมเป็นคนใจร้อน เมื่อก่อนตอนมีเงินวันนี้อยากได้ วันนี้มีเงิน พรุ่งนี้ไปเอาเลยนะ สิ่งไหนที่ผมอยากได้แต่ว่าตอนนี้คิดได้ว่าพอแล้ว อยากได้อะไรทำก็เก็บไว้ก่อน เอาธุรกิจให้มันรอดก่อน ทำธุรกิจรถดั้ม รถแม็คโครครับ ถ้าใครมีทุนเขาก็จะลงุทนทำกัน เพราะว่ามันน่าจะไปรอดนะครับ ผมรู้จักกับพี่ที่เขาทำธุรกิจนี้อยู่เขาบอกว่ามันดีนะ แต่ว่าใช้ต้นทุนเยอะหน่อย ตอนนั้นลงทุนไปคือหมดตัวเลยครับ เก็บตังค์มาก็คือตู้มเลย ตอนนี้ได้ตังค์มาใหม่ก็เก็บสะสมไว้ ตอนนี้มีตังค์มีสิ่งที่อยากได้ แต่ซื้อไม่ได้ เพราะว่าต้องเอาตังค์ไว้เผื่อหมุนธุรกิจที่ลงทุนไป (ลงทุนไปประมาณเท่าไหร่?) ก็ถ้ารวมทั้งหมดก็ประมาณ 3 ล้านครับ ตอนนี้เวลาผมได้ตังค์มาผมจะแบ่งเป็นแบบนี้ครับ ถ้าตังค์ Youtube ออก 10 ผมจะเก็บ 7 แล้วเหลือไว้แค่ 3 กิน 1 แล้วที่เหลือก็คือทุนทำเพลงครับ ผมจะแบ่งแบบนี้ตลอด จะเก็บเยอะมากๆ
ธุรกิจที่อยู่เริ่มไปแล้วนานหรือยัง?
MAN'R : ประมาณ 1-2 เดือนเองครับ นี่แหละเป็นสาเหตุที่ผมรู้สึกว่าผมยังซื้ออะไรไม่ได้ เพราะธุรกิจยังไม่อยู่ตัวให้มันอยู่ตัวก่อนดีกว่า รถอะไรต่างๆ ค่อยซื้อก็ได้ เอาให้มันรอดก่อน (แล้วธุรกิจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?) ตอนนี้นะครับ คือผมซื้อรถมาเป็นเงินดาวน์ มีรถซื้อมาประมาณ 3 คัน คันรถแม็คโครที่เป็นดาวน์คือหนักอยู่เหมือนกันครับ สิ่งที่ผมกลัวคืองวดมันครับ ประมาณ 7-8 หมื่นครับ ราคามันสูงอยู่ แต่ว่ารถมันสามารถหาส่งตัวมันเองได้ ผมต้องนึกด้วยว่าถ้าวันหนึ่งมันหาส่งตัวเองไม่ได้ วันนั้นผมจะเอาที่ไหนมาส่งครับ ผมก็เลยเก็บไว้ดีกว่า แต่ตอนนี้ผมสบายใจแล้วที่ผมไม่ต้องส่งงวดเพราะว่ารถมันส่งตัวมันเองอยู่ตอนนี้
ตอนเริ่มทำธุรกิจคุยกันในครอบครัวยังไงบ้าง?
MAN'R : ผมจะคุยกับพี่ชายมากกว่า ไม่เคยคุยกับพี่กับเรื่องทำธุรกิจ แล้วก็ไม่เคยคุยกับแม่ เพราะคนบ้านนอกคนอีสานส่วนมากถ้ามีเงินผู้ใหญ่เลยจะชอบซื้อที่ดินกัน เหมือนพ่อกับแม่ผมมีเงินแกก็จะไปซื้อที่ๆ แล้วพอวันหนึ่งแกหมดตังค์แกก็จะมีแค่ที่ แกก็จะทำแต่นาทำแต่นาอย่างเดียว ต่างจากผมถ้ามีตังค์จะไม่ซื้อที่จะทำธุรกิจ เพราะว่าที่เราเยอะแล้วครับ แต่พี่ผมอ่ะทุนไม่เยอะแต่แกมีสมองด้านธุรกิจเยอะ แต่ผมนะตอนนี้คือหาตังค์ได้แต่ไม่มีธุรกิจในหัว อย่างนั้นก็ผมเป็นคนลงทุนพี่ดูแล ตอนนี้ผมก็ยังทำงานเพลงของผมเต็มที่อยู่ ธุรกิจก็คือให้พี่ชายดูแล แล้วค่อยมาแบ่งกันพูดกันไว้อย่างนั้นครับ
เห็นใน IG ลงรูปรถบิ๊กไบค์ตัดสินใจนานไหม เพราะว่าราคาก็ค่อนข้างสูงเหมือนกัน?
MAN'R : ผมชอบครับ ชอบบิ๊กไบค์ โดยแต่ก่อนผมชอบอยู่แล้วครับ ชอบบิ๊กไบค์มากๆ เลย มันเป็นรถในฝันของเด็กหลายๆ คน ส่วนมากเลยครับ จะชอบรถแบบนี้กัน รถที่ผมมีนี่แหละเด็กส่วนมากจะชอบกัน ชอบมาก แล้วตัวผมเองก็ไม่คิดที่ว่าจะได้ขับนะ แต่คิดไว้ว่าถ้าวันหนึ่งมีเงินจะซื้อ แต่ผมเป็นเด็กที่ไม่ทะเยอทะยานไม่ได้ฝันไกล แต่ก่อนก็แค่รู้สึกว่าชอบ ถ้ามีเงินก็ซื้อ พอมาถึงจุดหนึ่ง ผมคิด 6-7 เดือนได้ครับ เพราะตอนนี้ผมเป็นเสาหลักครอบครัวแล้ว จะทำอะไรผมคิดเยอะมากๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะ ถ้ามีตังค์ก็คือซื้อเลย แต่พอตอนนี้เราโตขึ้น เราต้องคิดถึงสิ่งที่เราจะไปซื้อ ผมก็คิด ตอนนั้นคิดไว้คือมีตังค์แล้ว แต่คิดว่ามันคงไม่มีเวลาขับหรอก ถ้าผมซื้อมาก็ได้ขับคนเดียว มันไม่สนุกก็เลยไม่ซื้อดีกว่า ดูใน Youtube เฉยๆ ให้มีความสุขก็พอ แต่พอเพื่อนผมที่ทำเพลงอยู่ด้วยกัน คือแบริ่ง แบริ่งไปซื้อมา คนนั้นจะใจร้อนหน่อย พูดอยู่ 2 วันแล้วไปซื้อเลย ผมพูดไว้ 6-7 เดือนผมยังไม่ได้ไปซื้อเลย เขาไปซื้อมาก่อน แล้วผมเห็นเพื่อนขับ แล้วเพื่อนก็เลยออกตามกันมาครับ ผมก็เลยรู้สึกว่าความอยากได้อยู่แล้ว เพื่อนออกมามีเพื่อนขับแล้ว 2 วันเท่านั้นแหละ เพราะผมคิดมานานอยู่แล้วไง ผมก็เลยไปเอาเลย ซื้อสดเลยจบเลย พอซื้อมาผมขับได้ไม่ถึง 6 ครั้งครับ ซื้อมารถจะ 2-3 เดือนแล้วครับ จอดไว้ในห้องนอนครับ เพื่อดู เพราะมันเป็นความฝันเราครับ ผมไม่ขับก็ได้ครับ แต่แค่ให้ผมรู้ว่าชีวิตนี้ผมมีแล้ว ผมมีไว้ในครอบครองแล้ว ผมซื้อด้วยตัวผมเองด้วย มันเป็นความภูมิใจในตัวเองด้วยครับ แล้วก็เป็นความฝัน เราไม่ได้เดือดร้อนใคร ตอนที่เราซื้อ มันก็เป็นเงินแบ่งจากที่เราเก็บนะครับ แบ่งมาทีละนิด คือมันมีทุนที่จะซื้ออยู่แล้ว แต่เราแค่คิดเยอะ กับไม่มีเพื่อนขับ พอมีเพื่อนขับก็เลยจัดเลยครับ
ตอนไปซื้อที่บ้านว่ายังไงบ้าง?
MAN'R : ที่บ้าน พ่อกับแม่ไม่เคยห้ามผมเลยนะ แกจะชอบพูดว่าคิดดีแล้วก็เฮ็ด คนบ้านนอกนะครับ แกก็จะพูดประชดหน่อยๆ ด้วย แต่แกดีครับ ไม่เคยตีกรอบให้ผมเลยนะ ชอบอะไรทำแค่ไม่เดือดร้อนพ่อกับแม่ก็พอ ผมจะไปซื้อรถผมแค่บอกพ่อกับแม่ว่าจะไปซื้อรถนะ แต่ผมไม่ได้บอกราคานะ ผ่านไป 2 วันผมก็ไปซื้อเลย จนทุกวันนี้แกก็ยังไม่รู้เลยว่ารถราคาเท่าไหร่ ผมก็ไม่ได้บอก แต่คิดว่าแกน่าจะรู้มั้ง เพื่อนน่าจะบอกอยู่แต่ผมไม่ได้บอกนะ ผมไม่ได้บอกแกเลย ผมกลัวว่าแกจะบอกว่าซื้อมาทำไม ซื้อมาแล้วก็ไม่ขับ มันคือความสุขผมนะครับ เราไม่ได้เดือดร้อนใคร
ในฐานะเราเป็นไอดอลคนรุ่นใหม่และขับบิ๊กไบค์ด้วย อยากจะแนะนำอะไรน้องๆ ที่คิดจะซื้อหรือคิดจะขับไหม?
MAN'R : มีสติครับ ต้องมีสติเยอะๆ อย่าคิดว่าแค่สนุกนะครับ คนส่วนใหญ่ที่ขี่ขิ๊กไบค์เขาจะชอบความเร็วนะครับ แต่ตัวผมผมจะชอบความเร็วอยู่ก็เร็ว แต่จริงๆ แล้วผมชอบความเท่ของมันครับ ขับเบาๆ ก็ได้ ขับ 80 ก็ได้ ขับ 100 ก็ได้ เราเอาเท่เซฟตี้เยอะๆ พอ คิดเยอะๆ ครับ เพราะว่ารถพวกนี้มันไม่เหมือนรถยนต์ รถยนต์เวลาชนเวลาอะไรต่างๆ มันมีเปอร์เซ็นต์รอดเยอะมากกว่ารถมอเตอร์ไซค์ แต่ถ้ารถมอเตอร์ไซค์คุณขับมา 170-180 ชนมาไม่เหลืออยู่แล้ว ผมก็นึกอยู่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมไม่ขับบ่อย คือผมแค่อยากจะครอบครองมันเฉยๆ ขับบ้างนานๆ ครั้งเดือนละ 1-2 ครั้ง แต่ถ้าให้ขับทุกวันไม่ขับนะครับ มันอันตรายสู้เราขับรถยนต์ไม่ได้ สติครับ ต้องมีสติ อย่าไปขับยกล้อหรืออะไรแบบนี้ครับ ตัวผมเองก็ขับเท่ๆ เอาเท่อย่างเดียว
ความคิดเราตอนนี้โตขึ้นไหม?
MAN'R : โตครับ เพราะว่าจากแต่ก่อน 1 ปีที่แล้ว ตอนนี้มองกลับไปปีที่แล้วผมก็ว่าตอนนั้นเด็ก เราจะโตขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน
คิดว่าอายุ 20 ตอนนี้เราประสบความสำเร็จหรือยัง?
MAN'R : ถ้าคิดจากตัวผมนะ ผมคิดว่าผมประสบความสำเร็จแล้ว ณ ตอนนี้ ผมคิดว่าถ้าตายก็คุ้มอ่ะ เพราะผมไมได้เป็นเด็กที่ฝันสูง ไม่เคยคิดว่าต้องมีรถซูเปอร์คาร์ ต้องมีบ้านราคา 100 ล้าน ผมคิดมีอยู่ไม่กี่อย่าง ทำยังไงก็ได้ให้พ่อแม่ภูมิใจในตัวเองแล้วก็ตายไปแล้วมีตังค์ให้พ่อแม่ใช้ ผมคิด แล้วสองก็คือผมอยากมีเพลงเป็นของตัวเอง อยากขึ้นคอนเสิร์ต แล้วก็อยากให้คนร้องตาม ผมก็ทำได้แล้ว ผมอยากซื้อของที่ผมอยากได้ ผมฝันไว้ตอนนี้ผมซื้อได้แล้ว ผมทำครบได้แล้ว เพราะผมเป็นคนที่ไม่ฝันสูงอยู่แล้ว ฝันผมเลยทำได้หมดแล้ว แต่ตอนนี้ก็มีฝันใหม่ๆ ขึ้นมา เพราะผมรู้สึกว่าเมื่อก่อนกับตอนนี้มันต่างกันนะ ไม่อยากฝันสูงกลัวทำไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าเราฝันดีกว่า อย่างน้อยๆ เราฝันไว้ 10 แล้วเราทำได้ 5 ทำได้ 7 เราไปไม่ถึง 10 เราก็ยังถึง ครึ่งนึงเราก็ยังถึง อยากมีธุรกิจครับ อยากมีรถสปอตอยู่ครับ
คิดว่าการทำเพลงของเราจะยากขึ้นไหมให้กลับมาติดท็อปเหมือนเดิม?
MAN'R : ตอนนี้อยากมีอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาเยอะแล้วครับ เพราะว่าผมเองก็เบื่อแนวเพลงเดิมๆ ก็เริ่มทำแนวดนตรีอะไรใหม่ๆ มีอะไรใหม่ๆ เพราะผมรู้แล้วว่าการทำอะไรซ้ำๆ มันเบื่อ ผมยังเบื่อเพลงผมเลย แล้วคนอื่นจะเบื่อไหม ผมก็ว่าเบื่อเหมือนกันแหละ ทำนองเดิม เมโลดี้เดิม เขาเบื่อแน่นอน ผมก็ยังเบื่อเลยอ่ะ ผมรู้สึกว่าทำไมเพลงตัวเองมันช้าขนาดนี้ ทำไมมันฟังแล้วมันน่านอนขนาดนี้ มันเป็นเพลงฟังนอนนะครับ ผมอยากมีเพลงที่ไปร้องคอนเสิร์ตได้ ไปมันๆ กันในคอนเสิร์ตบ้างนะครับ
มีสาวๆ มากรี๊ดเราเยอะไหม?
MAN'R : มีครับ จะเป็นเด็กๆ ส่วนมากใน IG ในเฟสบุ๊ก จะเป็นเด็กๆ เป็นส่วนใหญ่ จะเป็นน้องๆ เด็กๆ มัธยมซะเยอะเป็นส่วนมาก แล้วก็ถ้าเป็นคอนเสิร์ตก็จะเป็นผับก็จะมีคนที่โตขึ้นแล้ว มันก็จะคนละฟิว ในเฟสอะไรก็จะเด็กๆ สะมากกว่า แต่พอเป็นคอนเสิร์ตก็จะเป็นคนที่โตขึ้นมาหน่อย
จริงๆ แล้วสเปคแมนอาร์เป็นแบบไหน?
MAN'R : ผมไม่ชอบทรงเซเลบครับ ผมพูดไม่ถูก ถ้าพูดเรื่องภายนอกก็คือชอบผู้หญิงขาว ขาวกว่าผมอ่ะ แต่ผู้หญิงทุกคนก็ขาวกว่าผมอยู่แล้ว เพราะผมเป็นคนผิวแทน ดำเลยแหละ แต่ผมชอบคนที่ขาวกว่าผม ชอบคนตาสวย แล้วก็ชอบคนหน้าคมๆ น่ารักก็ได้ พูดไม่ถูกครับ ถ้าเจอก็คือชอบ แต่อย่างแรกก็คือขาว ชอบคนขาว
ตอนนี้เรามีแฟนไหม?
MAN'R : ไม่มีครับ ไม่มี ตอนนี้ไม่มีครับ ไม่มีแฟนมานานแล้วครับ ผมมีคนคุยครับช่วงหนึ่งไม่ใช่แฟนนะ แต่คุยกันแบบจริงจัง เหมือนคุยกันแล้วมีทะเลาะกันมันก็ไม่อยากทำเพลงเลย มันทำให้บั่นทอนจิตใจแล้วพอจากตอนนั้นผมก็ไม่อยากอะไรกับใครเลย ผมตั้งใจทำงานดีกว่า ตอนนี้มีแฟน คือยังไม่ใช่แฟนหรอกครับ ก็คุยๆ กัน แต่มันรู้สึกว่ามันมีแล้วมันไม่ดี มันทำให้การทำงานมันช้าลง ตอนนั้นผมกลายเป็นคนทำงานช้าไปเลยนะ จากที่ผมทำงานเดือนหนึ่งปล่อย เดือนหนึ่งปล่อย เป็นสองเดือนปล่อยเลย ผมก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ดีและ ตอนนี้เลยไม่มีดีกว่า
ตอนนี้ถือว่าเราประสบความสำเร็จมาก เรารู้สึกยังไงบ้าง?
MAN'R : ดีใจครับ แต่ตอนนี้ก็เริ่มฝันแล้วว่า อยากไปให้ไกลกว่านี้ มันจะได้เลี้ยงชีพเราได้อีกระยะ ผมรู้อยู่แล้วว่าสิ่งพวกนี้อย่าหลงตัวเองอย่างแรก อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองดัง อย่าหยิ่งทะนงกับคนอื่น อย่าคิดว่าตัวเองเจ๋ง สักวันมีขึ้นมีลง มันเป็นคล้ายๆ คลื่น มันขึ้นได้มันก็ลงได้ อย่าหยิ่งทะนงอย่าคิดว่าตัวเองเจ๋ง อยู่กับผู้ใหญ่ก็อ่อนน้อมถ่อมตัวไว้
เพลงต่อไปของเราจะได้เห็นเมื่อไหร่?
MAN'R : จะได้เห็นกันสิ้นเดือน พ.ย. นี้ครับ เป็นแนวเพลงใหม่เลยที่ผมยังไม่เคยทำ ประมาณ 2 เพลงครับ ประมาณสิ้นเดือนกับต้นเดือนแล้ว (เราเลือกปล่อยเพลงตามช่วงเวลายังไง?) ปล่อยตามเพลงเลยครับ อยากปล่อยตอนไหนก็ปล่อย มันดีตรงนี้แหละครับ เป็นศิลปินที่ไม่มีใครมาบังคับ ไม่ใช่ค่าย อยากปล่อยตอนไหนก็ปล่อยจบ ทำเสร็จอ่ะอยากปล่อยพรุ่งนี้อะปล่อย ถ่ายวันนี้ถ้าเสร็จวันไหนก็ปล่อย หรือว่าถ่ายเสร็จแล้วยังไม่อยากลงอยากลงเพลงนี้ก่อนก็ทิ้งไว้ ส่วนมากนะคนที่ทำดนตรี ทำเพลงแบบผมจะเป็นประมาณแบบติสๆ หน่อยพี่ จะเป็นแบบอยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ทำ จะเป็นอารมณ์นี้ ผมก็เป็นบ่อยมากๆ ครับ
ถ้ามีค่ายมาติดต่อให้เซ็นจะเซ็นไหม?
MAN'R : ต้องคิดดูอีกทีครับ แต่เปอร์เซ็นต์ที่ผมคิดไว้ไม่มีที่จะอยู่ค่าย แต่ถ้าอยู่ค่ายมันก็จะมีอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาบ้าง แต่ตอนนี้ยังไม่มีในหัวครับ อยากอยู่แบบนี้มากกว่า ไม่ต้องมีใครมาบังคับอยากทำอะไรก็ทำ อยากทำเพลงแนวไหนก็ทำ อยากปล่อยเพลงเมื่อไหร่ก็ปล่อย มันสบายดีครับ ไม่ต้องมีใครมากดดัน
คำจำกัดความในความเป็นแมนอาร์ในการทำเพลงคืออะไร?
MAN'R : ของผมนะครับ จะเป็น ไทย R&B ความเป็นไทยลูกทุ่ง ลูกทุ่ง R&B ประมาณนี้ครับ แล้วอีกอย่างหนึ่งผมไม่เคยบอกใครว่าผมเป็นฮิปฮอป หรือผมเป็นแร็ปนะ ผมก็บอกว่าเนี่ยคือเพลงผม ถ้าอยากรู้ว่าเพลงผมมันเป็นยังไงก็คือฟังเอา นั้นแหละคือเพลงผม ผมไม่เคยบอกว่าผมเป็นนู้นเป็นนี้ เป็นแบบคนนั้นคนนี้ แต่นี่คือตัวผม อย่าเอาผมไปเทียบกับแร็ปกับอะไรต่างๆ เพราะนี่มันคือเพลงของผม บางคนบูลลี่ว่าด่าเอื้อนอย่างนั้นอย่างนี้ เพลงเป็นแบบนั้นแบบนี้นั้นมันก็คือเพลงผม เพราะผมเป็นแบบนี้นั้นแหละสไตล์ผม ผมไม่ได้เอาสไตล์ใคร อันนี่สไตล์ผม
เคยโดนบูลลี่?
MAN'R : เคยโดนครับ ทุกคนเคยโดนครับ โดนหมดแต่ก็หูทวนลมไปครับ ตอนแรกอ่านก็รู้สึกว่าเออ ด่าทำไมว่ะ ก็คิดอยู่ แต่ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยสนคนอื่นนะครับ ไม่สนใจคนอื่น จะเป็นคนที่รู้สึกว่าก็แล้วแต่ประมาณนี้ครับ ผมเป็นเด็กที่ไม่สนคนอื่น ไม่ได้ใส่ใจคนอื่นนะ ถ้าเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักผม ผมไม่ค่อยสนใจแต่ถ้าเป็นเพื่อนผม เป็นน้องผม เป็นคนในกลุ่ม อันนี้ผมจะใส่ใจมาก แต่ถ้าเป็นคนอื่นแบบคนที่มาด่าเราก็ไม่ต้องไปใส่ใจ เราสนใจสิ่งดีๆ มาในสมองเรา แล้วเราไม่คิดมากดีกว่าครับ
อยากจะฝากบอกอะไรแฟนๆ ที่คอยติดตามเพลงเราไหม?
MAN'R : ผมขอบคุณมากๆ ครับ กว่าที่ผมจะมีวันนี้ได้ นอกจากพ่อกับแม่และเพื่อนๆ ผมที่คอยซัพพอร์ทก็คือแฟนๆ ที่ผมมีตังค์ซื้อรถ ซื้อรองเท้า อะไรต่างๆ ก็คือแฟนคลับที่มาฟังเพลงผม พูดง่ายๆ ก็คือเพราะแฟนคลับนะครับ ที่ทำให้ผมมีวันนี้ ตอนที่ผมมีเงินมีทองคนที่ดีใจมากกว่าผมก็คือพ่อแม่ ที่แกเห็นลูกประสบความสำเร็จนะครับ อันนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมดีใจกว่าชื่อเสียงครับ ก็คือพ่อกับแม่ผมภูมิใจในตัวผม นั้นเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าเออผมคุ้มแล้ว ชีวิตนี้ผมคุ้มมากๆ เลย ผมทำให้แม่ยิ้มได้ ทำให้พ่อรู้สึกภูมิใจในตัวผมได้ ผมเป็นเด็กเกเรมากๆ ตอนเด็กๆ ผมเกเรมากๆ ไม่เอาเลยเรื่องเรียนแต่ผมทำให้แกภูมิใจได้ทุกวันนี้ ผมเคยทำให้แกร้องไห้ ทำให้แกเสียใจมาเยอะเหมือนกัน แต่อายุประมาณนี้ผมได้เท่านี้ผมก็ดีใจแล้ว ขอบคุณแฟนคลับด้วยครับ เพราะถ้าแฟนคลับผมจริงๆ ผมจะโพสต์ตลอดเลย ผมจะชอบขอบคุณแฟนคลับที่ติดตามตลอด ผมไม่เคยว่าเพราะตัวผมเองนะ เพราะถ้าไม่มีแฟนคลับก็ไม่มีผมนะครับ แฟนคลับบางคนตามมาตั้งแต่เพลงแรกเพลงสองเลย ตั้งแต่วิวน้อยๆ จนตอนนี้เขาก็ยังตามอยู่ ผมโคตรดีใจเลยครับ
กดเลย >> community แห่งความบันเทิง 📸เมาท์ข่าวดารา กับเจ๊รุงรังขังรวม
ทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ 🍿ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล 😍ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี
ฟังเพลงออนไลน์ เพลงใหม่ ได้แล้ววันนี้บน TrueID ทั้ง เว็บไซต์ และ แอปพลิเคชัน