รีเซต

ประวัติ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ นักร้องซุปเปอร์สตาร์เมืองไทย

ประวัติ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ นักร้องซุปเปอร์สตาร์เมืองไทย
MusicHot
29 กันยายน 2565 ( 12:34 )
14.4K

ประวัติ ธงไชย แมคอินไตย์ ชื่อเล่น เบิร์ด เกิดวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2501 เป็นนักร้องและนักแสดงชาวไทย ได้รับขนานนามว่าเป็น "ซุปเปอร์สตาร์เมืองไทย" เขามีผลงานที่สร้างชื่อเสียงยาวนานมากกว่า 30 ปีในวงการบันเทิง โดยผลงานในวงการเพลงเขาเริ่มต้นจากการประกวดร้องเพลงของสยามกลการ ต่อมาเป็นนักร้องในสังกัดจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่

ซึ่งประสบความสำเร็จสูงสุดของประเทศไทย มียอดจำหน่ายอยู่ในระดับแนวหน้าของทวีปเอเชีย รวมมากกว่า 25 ล้านชุด เขามีสตูดิโออัลบั้มเดี่ยวที่มียอดจำหน่ายเกินล้านตลับมากที่สุด 7 ชุด และมีอัลบั้มพิเศษที่ยอดจำหน่ายเกินล้านตลับอีก 2 ชุด 

ประวัติ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ นักร้องซูเปอร์สตาร์เมืองไทย

     ผลงานโดดเด่น 3 ลำดับแรกของเขา ได้แก่ อัลบั้ม บูมเมอแรง (พ.ศ. 2533) ซึ่งเป็นศิลปินคนแรกของจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ที่มียอดจำหน่ายเกิน 2 ล้านตลับ ประกอบกับความสำเร็จด้านการแสดงในบทโกโบริในละคร คู่กรรม (พ.ศ. 2533) ซึ่งเป็นละครที่มีเรตติ้งสูงที่สุดในประเทศไทย ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า เบิร์ดฟีเวอร์ ทั้งวงการเพลง

     และวงการละคร ต่อเนื่องด้วยอัลบั้ม พริกขี้หนู (พ.ศ. 2534) ซึ่งมียอดจำหน่ายรวมมากกว่า 3.5 ล้านตลับ เป็นสถิติยอดจำหน่ายสูงที่สุดของยุค 90 และต่อมาอัลบั้ม ชุดรับแขก (พ.ศ. 2545) มียอดจำหน่ายมากกว่า 5 ล้านชุด เป็นอีกปรากฏการณ์ที่อัลบั้มของเขามียอดจำหน่ายสูงที่สุดของประเทศไทย 

     จากชื่อเสียงที่ยาวนานทำให้สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ และสมาคมนักข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทยได้ให้ฉายาธงไชยว่า "ดาวค้างกรุ" (พ.ศ. 2548) และ "ป๋าพันปี" (พ.ศ. 2550) และส่วนหนึ่งจากการสำรวจความนิยมพบว่าเขามีภาพลักษณ์สำคัญคือ ความกตัญญู ความสามารถในการร้องเพลง การพัฒนาตนเอง ความสามารถในการให้ความบันเทิงแก่ผู้ชม และการเป็นแบบอย่างที่ดี เป็นต้น 

ช่วงปฐมวัย

     ธงไชย แมคอินไตย์ เกิดวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2501 ที่ย่านสลัมบางแค (เดิมเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอภาษีเจริญหรือเขตภาษีเจริญในปัจจุบัน) ฝั่งธนบุรี จังหวัดธนบุรี มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "อัลเบิร์ต แมคอินไตย์" (Albert McIntyre) หรือเรียกชื่อเล่นว่า "เบิร์ด" เป็นบุตรคนที่ 9 ในจำนวนพี่น้อง 10 คน ของ เจมส์ (จิมมี่) แมคอินไตย์ แพทย์ทหาร ลูกครึ่งสกอต-มอญ และ อุดม แมคอินไตย์ ครอบครัวของเขาค่อนข้างยากจน

     ในวัยเด็กธงไชยช่วยเหลือครอบครัวโดยการช่วยพับถุง ขายเรียงเบอร์ เก็บกระป๋องนมขาย และเย็บงอบ เป็นต้น นอกจากนั้นยังหารายได้จากการสอนภาษาอังกฤษให้เด็กที่สลัมบางแคซึ่งมีรายได้ 5 ถึง 10 บาท แล้วแต่จะบริจาค 

     โดย ธงไชย เล่าถึงแง่คิดชีวิตวัยรุ่นตอนที่อาศัยอยู่สลัมบางแคว่า "สอนและให้เราสอบผ่านให้ได้ทุกวัน การเรียนรู้และการแบ่งแยกความคิดไปในทางที่ดี ไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่างพร้อม คนเราจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับตัวเราเท่านั้น" เขาชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็ก ได้เข้าร่วมประกวดในเวทีงานวัดต่าง ๆ และเคยได้รางวัล โดยฝึกร้องและสอนกันเองในครอบครัว จากฝีมือการเล่นดนตรีของพี่น้อง 7 คน จึงรวมตัวเล่นดนตรีมีชื่อวงว่า "มองดูเลี่ยน" 

     ธงไชย ศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดนิมมานรดี ระหว่างนั้นก็รับเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือครูในกิจกรรมร้องรำทำเพลงต่าง ๆ เสมอ และเป็นคนร่าเริง กล้าแสดงออก ต่อมา ศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนปัญญาวรคุณ เขาสำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สาขาการจัดการ ที่วิทยาลัยพณิชยการธนบุรี ทั้งนี้ภายหลังจากเขาเข้าวงการบันเทิง

     และประสบความสำเร็จ เขาได้รับพระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์ 2 ครั้ง จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้แก่ ปริญญากิตติมศักดิ์ คณะนาฏศิลป์และดุริยางค์ และ ปริญญาศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ดนตรีคีตศิลป์สากลศึกษา) 

 

วงการบันเทิง

แรกเข้าจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่และงานแสดงช่วงแรก

ระหว่างที่ธงไชยทำงานอยู่แผนกต่างประเทศของธนาคารกสิกรไทย สาขาท่าพระ เขายังทำงานเสริมอื่น ๆ เช่น ถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา รวมถึงเป็นพนักงานเปิดประตูในดิสโก้เธคชื่อ ฟามิงโก ในโรงแรมแอมบาสเดอร์ ที่ซึ่งเขาพบกับผู้จัดละคร วรายุฑ มิลินทจินดา ซึ่งเป็นแขกของโรงแรม เขาร้องเต้นสร้างความบันเทิงให้กับแขกจนวรายุฑชักชวนให้มาเล่นละครเรื่อง น้ำตาลไหม้ (พ.ศ. 2526)

โดยมีอดุลย์ ดุลยรัตน์เป็นผู้ช่วยสอน ละครเรื่องนี้เป็นละครเรื่องแรกของธงไชย ซึ่งเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลผู้แสดงสมทบชายยอดเยี่ยมรางวัลเมขลา ส่งผลให้ธงไชยเป็นที่รู้จักและมีการกล่าวขานในฐานะนักแสดงหน้าใหม่ที่มีความสามารถ ต่อมาเขาได้ร่วมงานละครเวทีกับภัทราวดี มีชูธน หนึ่งในนั้นคือคอนเสิร์ตคืนหนึ่งกับภัทราวดี (พ.ศ. 2527) เขาแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกใน บ้านสีดอกรัก (พ.ศ. 2527) 

ธงไชยมีความสามารถด้านการร้องเพลง เขาจึงสมัครประกวดร้องเพลงเวทีสยามกลการในปี พ.ศ. 2527 เป็นจุดเริ่มต้นด้านเพลงที่สำคัญ การประกวดครั้งนั้นเขาได้รับรางวัลในการประกวด 3 รางวัล รวมรางวัลนักร้องดีเด่นประเภทเพลงไทยสากลจากเพลง "ชีวิตละคร"

 

ทำให้ได้เซ็นสัญญากับสยามกลการ เรวัต พุทธินันทน์ ผู้ก่อตั้งจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ที่เห็นพรสวรรค์ของธงไชยได้เข้าพบคุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช อดีตประธานสยามกลการ เพื่อเจรจาขอดึงตัวมาเป็นศิลปินของแกรมมี่ เป็นจุดเริ่มต้นอาชีพนักร้องของธงไชยในสังกัดจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ 

ระหว่างที่รออัลบั้มเสร็จเป็นระยะเวลา 2 ปี เขารับบทพระเอกภาพยนตร์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2528 เรื่อง ด้วยรักคือรัก คู่กับอัญชลี จงคดีกิจ และกำกับโดย หม่อมเจ้าทิพยฉัตร ฉัตรชัย ทำให้คู่พระ-นางกลายเป็นคู่ขวัญคลาสสิกคู่หนึ่ง และในปีเดียวกัน ยังร่วมแสดงในละครเรื่อง บ้านสอยดาว และ พลับพลึงสีชมพู เป็นต้น

ในปี พ.ศ. 2529 ธงไชยได้รับเลือกให้เป็นพิธีกรนางสาวไทย รอบตัดสิน ปี 2529–2530 และเขายังเป็นพิธีกรคู่แรกในรายการถ่ายทอดสด 7 สีคอนเสิร์ต คู่กับมยุรา ธนะบุตร ซึ่งกลายเป็นพิธีกรคู่ขวัญ ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้ดำเนินรายการดีเด่นชาย รางวัลเมขลา ประจำปี พ.ศ. 2529

และในปีเดียวกันเขาออกอัลบั้มแรก หาดทราย สายลม สองเรา ซึ่งจัดให้เป็นอัลบั้มของศิลปินชายที่ดีที่สุดแห่งปี โดยเป็นศิลปินชายที่มียอดจำหน่าย 5 แสนตลับคนแรกของแกรมมี่ โดยเพลง "ผ่านมา ผ่านไป" เป็นซิงเกิลแรกที่เขาเข้าบันทึกเสียง 

 

สำหรับซิงเกิลแรกที่เผยแพร่คือ "ด้วยรักและผูกพัน" "ฝากฟ้าทะเลฝัน" "บันทึกหน้าสุดท้าย" เป็นต้น ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง จากความสำเร็จของอัลบั้มดังกล่าวได้มีการนำเพลงดังในอัลบั้มไปใช้ประกอบในภาพยนตร์ ด้วยรักและผูกพัน ที่ถ่ายทำในต่างประเทศ จากความสำเร็จเหล่านี้ เขาจึงลาออกจากงานประจำและก้าวสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว

โดยมีพรพิชิต พัฒนถาบุตรเป็นผู้จัดการส่วนตัว นอกจากนี้ เขามีคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มแรกชื่อว่า "คอนเสิร์ต สุดชีวิต ธงไชย" และในปีนั้นยังมีการจัดคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ ครั้งที่ 1 ถือเป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกของแกรมมี่ 

ผลงานอัลบั้มเพลง 

พ.ศ. 2530–2539 อัลบั้ม สบาย สบาย

ในปี พ.ศ. 2530 ธงไชยมีอัลบั้มดังชื่อ สบาย สบาย ซึ่งต้นสังกัดจัดให้เป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดแห่งปี โดยมีเพลงเด่น เช่น เพลง "สบาย สบาย" "เหมือนเป็นคนอื่น" และ "ฝากใจไว้" โดยเพลง "สบาย สบาย" ที่ทำให้เขาดังข้ามประเทศ มีการนำลิขสิทธิ์เพลงไปแปลงหลายภาษาเช่น ภาษาจีน ภาษาฝรั่งเศส เป็นต้น

และในปีดังกล่าวเขาได้รับรางวัลศิลปินดีเด่น จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ (สยช.) เพลง "สบาย สบาย" นี้ยังมีการนำไปใช้ประกอบภาพยนตร์ที่เขาแสดงนำเรื่อง หลังคาแดง และได้รับรางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ (สุพรรณหงส์ทองคำ)

เขาจัดคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ ครั้งที่ 2 ในช่วงกลางปี พ.ศ. 2530 และปลายปี เขาออกอัลบั้ม รับขวัญวันใหม่ โดยมีเพลงเด่นคือ "หมั่นคอยดูแลและรักษาดวงใจ" และ "ขอบใจจริง ๆ" เป็นต้น

และมีคอนเสิร์ตใหญ่สองครั้งในช่วงต้นปีถัดมา คือ คอนเสิร์ตเกาเหลาธงไชย (ไม่งอก) และคอนเสิร์ต เบิร์ด เปิ๊ด-สะ-ก๊าด และออกอัลบั้มพิเศษชื่อ ธงไชย แมคอินไตย์ พ.ศ. 2501 และอัลบั้ม ส.ค.ส. โดยมีเพลงเด่น เช่น เพลง "จับมือกันไว้" ซึ่งเป็นเพลงเด่นประจำการแสดงคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ และเขามีคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ ครั้งที่ 3 ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2532

อัลบั้มบูมเมอแรง และ ละครคู่กรรม 

     ธงไชย และ กมลชนก โกมลฐิติ สองนักแสดงนำจากละครคู่กรรม ร่วมบันทึกรายการโทรทัศน์ ปี 2549
ในปี พ.ศ. 2533 ซึ่งเป็นยุคที่เกิดกระแสเบิร์ดฟีเวอร์ ธงไชยรับบทโกโบริในละคร คู่กรรม ถือเป็นละครฉบับที่ประสบความสำเร็จสูงสุดอันดับ 1 ของไทยตลอดกาล ด้วยเรตติง 40 ละครเรื่องนี้ทำให้ธงไชยได้รับรางวัลใหญ่สองรางวัล คือ รางวัลนักแสดงนำชายดีเด่น จากงานประกาศผลรางวัลเมขลา ครั้งที่ 10 และรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากงานประกาศผลรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 5

     ในปีเดียวกันธงไชยได้ออกอัลบั้ม บูมเมอแรง ซึ่งต้นสังกัดจัดให้เป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดแห่งปี และเป็นลำดับ 3 ของอัลบั้มที่ดีที่สุดของทศวรรษ โดยเป็นศิลปินคนแรกของแกรมมี่ที่มียอดจำหน่ายเกิน 2 ล้านตลับ ซึ่งยอดจำหน่ายรวมได้ถึงสองล้านปลาย

     โดยมียอดจำหน่ายเกินล้านตลับภายใน 6 สัปดาห์ และเพลง "คู่กัด" ในอัลบั้มดังกล่าว มีการนำไปแปลงหลายภาษาในเอเชีย เช่น ภาษาจีน ภาษาพม่า ภาษาเวียดนาม เป็นต้น และมีการจัดคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มมนุษย์บูมเมอแรง ต่อด้วยการทัวร์คอนเสิร์ตที่ใช้ชื่อว่ามนุษย์บูมเมอแรง และมีคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ ครั้งที่ 4 ใน พ.ศ. 2533 หนังสือพิมพ์ เอกชน ยกให้เป็นศิลปินที่ได้รับประกาศเกียรติคุณมากที่สุด 

     ในคอนเสิร์ตสายใจไทย ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป่าทรัมเป็ตเพลง "คู่กัด" โดยมีธงไชยเป็นผู้ร่วมขับร้อง 

อัลบั้มพริกขี้หนู และละครวันนี้ที่รอคอย

     ในปี พ.ศ. 2534 ธงไชยประสบความสำเร็จต่อเนื่องมาถึงอัลบั้มชุดที่ 6 อัลบั้มพริกขี้หนู มียอดจำหน่ายเกินล้านตลับภายใน 50 วัน และยอดจำหน่ายรวมมากกว่า 3.5 ล้านตลับ สูงที่สุดแห่งยุค 90 และได้รับขนานนามเป็น "อัลบั้มแห่งทศวรรษ" สื่อบันเทิงยกให้เป็นปรากฏการณ์ "เบิร์ดฟีเวอร์" อีกครั้ง มีเพลงเด่นคือ "พริกขี้หนู" "ขออุ้มหน่อย" "ไม่อาจหยั่งรู้" "ฝากไว้" เป็นต้น

และในปีเดียวกันเขายังมีคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ ครั้งที่ 5 โดยใช้ชื่อตอน ความสุข ความทรงจำ ไม่มีที่สิ้นสุด จำนวน 29 รอบ จำนวนผู้ชม 58,000 คน ปลายปี พ.ศ. 2536 เขากลับมาแสดงละครวันนี้ที่รอคอย รับบท เจ้าซัน และเจ้าชายศิขรนโรดม ซึ่งเป็นละครที่ประสบความสำเร็จอีกเรื่องของเขา เขาได้รับรางวัลดารานำชายดีเด่น จากประกาศผลรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 8

ต้นปี พ.ศ. 2537 เขาออกอัลบั้ม ธ ธง โดยมีเพลงเด่นคือ "เธอผู้ไม่แพ้" "เหนื่อยไหม" เป็นต้น เพลง "เหนื่อยไหม" ได้รางวัลประพันธ์คำร้องยอดเยี่ยมจากงานประกาศผลรางวัลพระพิฆเนศทอง ธงไชยจัดคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้ม "คอนเสิร์ต ธ.ธง กับ เธอ (นั่นแหละ)" และคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ ครั้งที่ 6 โดยใช้ชื่อตอนว่าอยากเห็นท้องฟ้าเป็นอย่างในฝัน

ในปี พ.ศ. 2538 ธงไชยกลับมารับบทบาท โกโบริ อีกครั้งในภาพยนตร์คู่กรรม ภาพยนตร์นั้นสร้างสถิติภาพยนตร์ที่มีผู้เข้าชมสูงสุดใน 3 วันแรกของการเปิดตัวในยุคนั้น ต้องการแหล่งอ้างอิงดีกว่านี้ โดยธงไชยได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากงานประกาศผลรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ประจำปี พ.ศ. 2538 และในปีเดียวกันธงไชยได้รับเลือกให้ร้องเพลง "Golden Stars" ในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ปี พ.ศ. 2538 จัดที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี 

พ.ศ. 2540–2549 อุปสมบท และการสูญเสียมารดา

หลังจากถ่ายทำละคร นิรมิต แล้วเสร็จ ธงไชยอุปสมบทในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2540 เป็นการบวชทดแทนคุณ ณ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร และได้รับ พระกรุณาธิคุณจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ประทานผ้าไตร และ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีประทานเครื่องอัตถบริขาร

โดยธงไชยได้รับฉายาว่า "อภิชโย" แปลว่า "ผู้มีชัยชนะอันยิ่งใหญ่" และจำวัด ณ จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2544 อุดม แมคอินไตย์ มารดา เสียชีวิตที่จังหวัดเชียงราย มีพิธีพระราชทานเพลิงศพวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมเจ้านาย 3 พระองค์ พระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ 

ในปี 2541–2544 ธงไชยมีผลงานเพลงต่อเนื่องอีก 3 อัลบั้มที่ทำยอดจำหน่ายเกินล้านชุด ได้แก่ ธงไชย เซอร์วิส (2541) มีเพลงเด่นคือ "ซ่อมได้" "บอกว่าอย่าน่ารัก" "ก็เลิกกันแล้ว" "ถ่านไฟเก่า" เป็นต้น พร้อมกับอัลบั้มพิเศษ ธงไชย เซอร์วิสพิเศษ และละคร ความทรงจำใหม่ หัวใจเดิม

จากนั้นมีคอนเสิร์ต อัลบั้มตู้เพลงสามัญประจำบ้าน (2542) มีเพลงเด่นคือ "ลองซิจ๊ะ" "กลับไม่ได้ไปไม่ถึง" "ผิดตรงไหน" "ทำไมต้องเธอ" เป็นต้น และปี พ.ศ. 2543 มีคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ ครั้งที่ 7, อัลบั้มพิเศษ 100 เพลงรักไม่รู้จบ

ปลายปี พ.ศ. 2544 ธงไชยอัดอัลบั้มสไมล์คลับ ซึ่งต้นสังกัดจัดให้เป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดแห่งปี มีเพลงเด่นคือ "เล่าสู่กันฟัง" "คนไม่มีแฟน" และ "คู่แท้" เป็นต้น โดยเพลง "เล่าสู่กันฟัง" ได้รับรางวัลจากหลายสถาบัน เช่น รางวัลเพลงยอดเยี่ยม จากงานประกาศผลรางวัลสีสันอะวอร์ดส์ ครั้งที่ 14 รางวัลมิวสิกวิดีโอศิลปินชายยอดนิยม จากงานประกาศผลรางวัลแชนแนลวีไทยแลนด์มิวสิกวิดีโออวอร์ดส ครั้งที่ 1 เป็นต้น

พร้อมกับการจัดคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มเบิร์ดสไมล์คลับ และจากผลสำรวจสุดยอดแห่งความประทับใจ ปี พ.ศ. 2544 ของเอแบคโพล และผลสำรวจที่สุดแห่งปีของสวนดุสิตโพล พบว่าเขาอยู่ในลำดับแรกของนักร้องชายไทยที่ประทับใจที่สุด 

ปริญญากิตติมศักดิ์ และอัลบั้ม ชุดรับแขก

ในปี พ.ศ. 2545 ธงไชยได้รับพระราชทานปริญญากิตติมศักดิ์ คณะนาฏศิลป์และดุริยางค์ สำหรับผู้สร้างสรรค์ผลงานด้านดนตรีสากล และประสบความสำเร็จในอาชีพ ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี 

ช่วงปลายปี พ.ศ. 2545 ถึงปี 2546 เขาออกอัลบั้มชุดรับแขก ซึ่งสร้างสถิติยอดจำหน่ายเทปสูงสุดของไทยกว่า 5 ล้านตลับ และวีซีดีบันทึกการแสดงคอนเสิร์ต มียอดจำหน่ายมากกว่า 3 ล้านแผ่น รวมแล้วอัลบั้มชุดรับแขกทั้ง เทป ซีดี วีซีดี ยอดจำหน่ายมากกว่า 8 ล้านชุด

นอกจากนี้อัลบั้มชุดนี้สร้างสถิติเป็นอัลบั้มที่ทำยอดจำหน่ายเกิน 1 ล้านตลับเร็วที่สุดของแกรมมี่ภายใน 3 สัปดาห์ เป็นอัลบั้มประวัติศาสตร์ของวงการเพลง อัลบั้มดังกล่าวสร้างประวัติการณ์ Break Record สู่ 3 ล้านชุดในระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน โดยมีเพลงเด่นคือ "แฟนจ๋า" ซึ่งแต่งโดยโจอี้ บอย และ "มาทำไม" ร่วมร้องกับจินตหรา พูนลาภ เป็นต้น จากการสำรวจความนิยมของคนกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2545 ของกรุงเทพโพลล์ พบว่าเพลงยอดนิยม คือ เพลง "แฟนจ๋า" รองลงมาคือเพลง "มาทำไม" 

ความสำเร็จดังกล่าวจึงมีการจัดทำอัลบั้มพิเศษ แฟนจ๋า..สนิทกันแล้วจ้ะ และมี คอนเสิร์ตเปิดอัลบั้ม ฟ.แฟน  และฟ.แฟน FUN FAIR และในปีดังกล่าวยังมีคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ ครั้งที่ 8 เขาได้รับรางวัลจากหลายสำนัก เช่น แฮมเบอร์เกอร์อวอร์ดส์, ท็อปอวอร์ด, แชนแนลวีไทยแลนด์มิวสิกวิดีโออะวอดส์ เป็นต้น

ในปี พ.ศ. 2547 เขาได้รับคัดเลือกให้ไปโชว์เพลงแฟนจ๋าที่งานประกาศผลรางวัลที่ต่างประเทศ พร้อมได้รางวัลศิลปินยอดนิยมประเทศไทย (Favorite Artist Thailand) จากงานเอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดส ครั้งที่ 3 ณ ประเทศสิงคโปร์ 

 

ในปี พ.ศ. 2547 เขาออกอัลบั้มพิเศษ เบิร์ด-เสก โดยมียอดจำหน่ายสูงสุดแห่งปีมากกว่า 2 ล้านชุด แกรมมี่จัดให้เป็น “อัลบั้มพิเศษที่ดีที่สุดแห่งยุค” โดยมีเพลงดัง คือ "อมพระมาพูด" ร้องคู่กับนักร้องแนวร็อก เสกสรรค์ ศุขพิมาย และเขามีคอนเสิร์ตเบิร์ดซน เบิร์ด-เสก พ.ศ. 2547 ผลสำรวจของสวนดุสิตโพลพบว่าเขาเป็นนักร้องเพลงไทยสากลชายที่ประชาชนชอบมากที่สุด และกรุงเทพโพลพบว่าเป็นนักร้องนักแสดงที่ชื่นชอบและยึดเป็นแบบอย่างมากที่สุด 

ในปี พ.ศ. 2548 มีอัลบั้มวอลุม วัน ซึ่งมีเพลงดังคือเพลง "โอ้ละหนอ...My Love" และเพลง "ไม่แข่งยิ่งแพ้" เขาได้รับรางวัลนักร้องยอดเยี่ยมของท็อปอวอร์ด, Oops! Awards; ศิลปินไทยแห่งปีของเฉลิมไทยอวอร์ด มิวสิกวิดีโอเพลง "โอ้ละหนอ...My Love" ได้รับรางวัลมิวสิกวีดีโอยอดเยี่ยมแห่งปี FAT award

และรางวัลมิวสิกวิดีโอยอดนิยมของมิวสิกวิดีโออวอร์ดส และจากผลสำรวจเอแบคโพล เพลงโอ้ละหนอ...My Love เป็นเพลงยอดเยี่ยมแห่งปี ธงไชยมีคอนเสิร์ตใหญ่ Volume 1 คอนเสิร์ต โอ้ละหนอ...My Love และจากผลสำรวจของเอแบคโพลและสวนดุสิตโพลพบว่าเขาเป็นนักร้องชายที่ประชาชนชื่นชอบที่สุดอีกปี 

ในปี พ.ศ. 2549 ออกอัลบั้มธงไชย วิลเลจ ซึ่งมีเพลงเด่นคือ "เถียงกันทำไม" อัลบั้มพิเศษเบิร์ดเปิดฟลอร์ 3 อัลบั้ม ปีนั้น หนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่น ยกให้ธงไชยเป็นหนึ่งในคนไทย 35 คนที่มีอิทธิพลมากที่สุดในรอบ 35 ปี อีกทั้งหนังสือพิมพ์ สยามรัฐ ยกให้ธงไชยเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลของไทย ปี พ.ศ. 2549 โดยเป็นอันดับ 26 จากทุกสาขาอาชีพ

และเป็นอันดับ 1 ประเภทนักร้องนักแสดง เขาได้รางวัลพิเศษศิลปินสร้างสรรค์ Inspiration Award ของเอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดส และรางวัลศิลปินที่ประสบความสำเร็จที่สุดแห่งปีของ Virgin Hitz Awards และเกียรติบัตรศิลปินชายยอดนิยมแห่งปีของ Thailand Top Chart 

พ.ศ. 2550–2559 ด้านคอนเสิร์ต และอัลบั้ม อาสาสนุก

ในปี พ.ศ. 2550 มีจัดคอนเสิร์ตเบิร์ดเปิดฟลอร์ และปลายปีมีอัลบั้ม ซิมพลีย์ เบิร์ด ซึ่งมีเพลงเด่นคือ "ช่วยรับที" "มีแต่คิดถึง" และเพลง "น้ำตา" เป็นต้น เพลง "น้ำตา" แต่งโดย อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ได้รางวัลเพลงยอดเยี่ยมของสีสันอะวอร์ดส์ ขณะที่เพลง "มีแต่คิดถึง" ซึ่งแต่งโดยนิติพงษ์ ห่อนาค ได้รางวัลชมเชยการขับร้องเพลงดีเด่นด้านภาษาไทย

ในปี พ.ศ. 2551 ธงไชยแสดงคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ ครั้งที่ 9 ตอน MAGIC MEMORIES อัศจรรย์แห่งความทรงจำ สิ่งเหล่านี้คือความเป็นเรา...ตลอดไป มีจำนวนผู้ชมทุกรอบ 120,000 คน จาก 12 รอบการแสดง ในปี พ.ศ. 2552 ธงไชยได้รับเลือกเป็นพรีเซ็นเตอร์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสองครั้ง คือ "โครงการเที่ยวไทยครึกครื้นเศรษฐกิจไทยคึกคัก"

และ "โครงการ 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน" โดยเขาขับร้องเพลง "ไปเที่ยวกัน" ประกอบสื่อภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ และมีซิงเกิลพิเศษ "จะได้ไม่ลืมกัน" ประกอบภาพยนตร์ ความจำสั้น แต่รักฉันยาว และในปีดังกล่าวเขามีคอนเสิร์ต ธงไชย แฟนซี แฟนซน...ร้อง เต้น เล่น แต่งตัว จำนวน 4 รอบการแสดง

ในปี พ.ศ. 2553 ธงไชยออกอัลบั้มอาสาสนุก ซึ่งเป็นอัลบั้มใหม่ในรอบ 3 ปี มียอดจำหน่ายและยอดดาวน์โหลดสูงที่สุด โดยมีเพลงเด่นคือ "อยู่คนเดียว" "อย่าทำอย่างนี้ไม่ว่ากับใคร...เข้าใจไหม" "ทูมัชโซมัชเวรีมัช" และ "เรามาซิง" โดยสองเพลงหลังมีการซื้อลิขสิทธิเพลงดังกล่าวไปแปลงเป็นภาษาญี่ปุ่น ต่อมาในปี พ.ศ. 2554 เขายังมีคอนเสิร์ตใหญ่คอนเสิร์ตเบิร์ดอาสาสนุกที่จัดขึ้นที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี เป็นหนึ่งในคอนเสิร์ตสุดร้อนแรงแห่งปี และหนึ่งในคอนเสิร์ตที่ได้รับการตอบรับสูงสุดแห่งปี[80]

ปีนั้นธงไชยยังได้รับเลือกเป็นต้นแบบตัวละครการ์ตูนแอนิเมชัน เรื่อง เบิร์ดแลนด์ แดนมหัศจรรย์ และเขายังเป็นผู้พากย์เสียง "พี่เบิร์ด" และร้องเพลงประกอบเพลงเบิร์ดแลนด์แดนมหัศจรรย์ และในปีเดียวกันเขาได้รับเลือกให้ร้องเพลงพิเศษ เพลง "Thai for Japan" ภาษาญี่ปุ่น ให้แก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮะกุ พ.ศ. 2554

ในปี พ.ศ. 2555 เขาแสดงคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ ครั้งที่ 10 ตอน วันของเรา Young อยู่ ฉลองครบรอบ 25 ปีเบิร์ดเบิร์ดโชว์ จำหน่ายบัตรต่อเนื่องในคราวเดียวกว่า 100,000 คน ในปี พ.ศ. 2556 มีคอนเสิร์ตขนนกกับดอกไม้ ครั้งที่ 2 ตอน Secret Garden

 

สานสัมพันธ์ประเทศญี่ปุ่น และประเทศเพื่อนบ้าน

ในปี พ.ศ. 2556 ธงไชยได้รับเชิญเป็น "ทูตมิตรภาพ" (International Friendship Ambassador)ไปร่วมงานเทศกาล Sapporo Snow Festival ครั้งที่ 64 ณ นครซัปโปโระ จังหวัดฮกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ภายในงานมีรูปปั้นหิมะของเขาขนาดเท่าตัวจริงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพที่ดีของทั้งสองประเทศ การสำรวจในญี่ปุ่นยังพบว่าเขาเป็นศิลปินไทยที่คนญี่ปุ่นรู้จักมากที่สุด

ในปีเดียวกัน เขาได้รับเชิญร่วมงานเทศกาลดนตรีอาเซียน-ญี่ปุ่น (ASEAN-Japan Music Fair) ณ กรุงโตเกียว นอกจากนี้องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นเชิญเขาไปถ่ายแบบที่โอกินาวา โยโกฮามา และฟุคุโอกะ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น และในปี พ.ศ. 2557 ธงไชยได้รับรางวัล Special Award from JNTO ของ Japan Tourism Award in Thailand สำหรับบุคคลที่มีบทบาทสำคัญต่อภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวญี่ปุ่น และปีดังกล่าวเขาถ่ายทำละคร กลกิโมโน 

ในปี พ.ศ. 2558 มีคอนเสิร์ตขนนกกับดอกไม้ ครั้งที่ 3 ตอน The Original Returns ซึ่งจีเอ็มเอ็มแกรมมี่จัดกิจกรรม FUN&FRIENDSHIP EXPERIENCE เป็นโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและสานสัมพันธ์ไทยพม่า ซึ่งเขาได้รับการต้อนรับจากชาวพม่าจำนวนมาก[94] และในปี พ.ศ. 2559 ธงไชยมีคอนเสิร์ต รวมวง THONGCHAI concert และมีโครงการพิเศษภาพยนตร์สั้น รักคำเดียว ภารกิจคลุกฝุ่น

ปี พ.ศ. 2560–ปัจจุบัน

ละครเทิดพระเกียรติ อัลบั้มเบิร์ดมินิมาราธอน และคอนเสิร์ต

ในปี พ.ศ. 2560 ธงไชยเป็นดารารับเชิญในละครพิเศษ “เราเกิดในรัชกาลที่ 9 เดอะซีรีส์” โดยรับบทแพทย์อาสา และเป็นนักร้องรับเชิญในงานแสดงดนตรี "แผ่นดินของเรา" และในวันที่ 26 ตุลาคม ปีนั้น เขาได้เข้าร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ถวายพระเพลิงในฐานะพลเรือนผู้มีตำแหน่งเฝ้าฯ นับเป็นศิลปินเพียงไม่กี่คน 

ในปี พ.ศ. 2561 ต้นปีธงไชยมีโปรเจ็กต์พิเศษ ชื่อว่า เบิร์ดมินิมาราธอน โดยทำงานร่วมกับ 8 ศิลปินรุ่นใหม่ และในปีดังกล่าวเขาได้รับรางวัลเกียรติยศแห่งปี สำหรับศิลปินที่เป็นที่สุดตลอดกาล รางวัล Joox Icon Award จากงาน JOOX Thailand Music Awards พ.ศ. 2561

ในปี พ.ศ. 2562 เขามีคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ ครั้งที่ 11 ในตอน "DREAM JOURNEY" (ดรีม เจอร์นี่ย์) ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งจัดต่อเนื่องจากปี 2561 รวมแล้วจำนวน 7 รอบ และในปีเดียวกันมีคอนเสิร์ต Singing Bird จำนวน 3 รอบ ซึ่งจัดที่รอยัลพารากอน ฮอลล์

ในช่วงกลางปี พ.ศ. 2562 เขาได้รับเชิญให้ร่วมแสดงละคร "ในสวนฝัน ผสานใจภักดิ์จงรักนฤบดี" ณ ท้องสนามหลวง ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เขาถวายงานร้องเพลงไทยเดิม "ลาวคำหอม" พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ร่วมร้องเพลง "จิตอาสา"

ซึ่งเป็นบทเพลงพิเศษจัดทำโดย จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มีเนื้อหาเชิญชวนให้คนไทยร่วมกันทำความดี ด้วยการเป็นจิตอาสา เพื่อพัฒนาสังคมและประเทศชาติ สานต่อพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ธันวาคม พ.ส. 2562 เขาเป็นแขกรับเชิญพิเศษในคอนเสิร์ตการกุศล “7HD Charity Concert รักคือการให้” ซึ่งรับบทโกโบริ จากละคร "คู่กรรม" ที่เคยแสดง 

ในปี พ.ศ. 2564 เขาร่วมโครงการ “โรงพยาบาลไฟจากฟ้า” พลังงานสะอาด เพื่อ 77 โรงพยาบาลทั่วไทย จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน พ.ศ. 2563 โดยขับร้องเพลง "ให้โลกได้เห็น (น้ำใจคนไทย)" ซึ่งบทเพลงดังกล่าวทำให้เขาได้รับรางวัลการขับร้องเพลงดีเด่นด้านภาษาไทย ประเภทการขับร้องเพลงไทยสากลชาย เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2564 จากสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม 

 

ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ อัลบั้มเบิร์ด ทเวนตี้ทู และคอนเสิร์ต

ในปี พ.ศ. 2565 เขามีผลงานเพลง "ใครคิดถึง" ซึ่งเป็นบทเพลงประกอบละครวิมานทราย และเพลง "ทุกวันได้ไหม" ซึ่งร่วมร้องกับหนุ่ม วงกะลา และเขาได้รับรางวัล Lifetime Achievement Award สำหรับศิลปินที่ประสบความสำเร็จในวงการเพลงมาโดยตลอด และเป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินอีกหลายท่าน ในงานประกาศผลรางวัล TOTY Music Awards 2021 

ในวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2565 เขาได้เข้ารับพระราชทานปริญญาศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ดนตรีคีตศิลป์สากลศึกษา) จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในพิธีพระราชทานปริญญาแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2563 ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี

และในเดือนพฤษภาคม 2565 จากผลการตัดสินผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมกิตติมศักดิ์ พุทธศักราช 2565 เขาได้รางวัลราชมงคลสรรเสริญกิตติมศักดิ ด้านศิลปะ สาขาศิลปะการแสดง จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี 

ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2565 เขามีอัลบั้มใหม่ เบิร์ด ทเวนตี้ทู ประกอบด้วยซิงเกิลเพลง "เพลงที่ไม่มีใครฟัง" "มากองรวมกันตรงนี้" "ลำไยลองกอง" "ใจบันดาลแรง แรงบันดาลใจ" และมีคอนเสิร์ต SINGING BIRD#2 /2022 ตอน LIFETIME SOUNDTRACK จำนวน 3 รอบการแสดง ซึ่งจัดในช่วงปลายปี 

 

บทบาททางสังคม 

การรณรงค์ การส่งเสริม และการอนุรักษ์

ด้านการรณรงค์ ธงไชยเป็นตัวอย่างศิลปินในการใช้สิทธิเลือกตั้งต่าง ๆ และในปี พ.ศ. 2554 ได้รับเลือกจากคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นตัวแทนประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง และเขาช่วยเหลือในการรณรงค์ต่าง ๆ เช่น เป็นพรีเซ็นเตอร์โครงการ รณรงค์ลดการแพร่เชื้อทางเดินหายใจ ด้วยการใส่หน้ากากอนามัย (พ.ศ. 2545)

พรีเซนเตอร์ธรรมอาสาพาประชาชนไทยทุกหมู่เหล่าเข้าวัดปฏิบัติภาวนา (พ.ศ. 2546) พรีเซ็นเตอร์กิตติมศักดิ์ จากเครือข่ายคนรักน้องหมาในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา รณรงค์อุดหนุน "ดอกป๊อปปี้" ช่วยครอบครัวทหารผ่านศึก ของมูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึกในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ศิลปินจิตอาสา ในภาพยนตร์โฆษณาของมูลนิธิรามาธิบดี ภายใต้แนวคิด “คำว่าให้…ไม่สิ้นสุด”

ปลายปี พ.ศ. 2562 เขาได้รับคัดเลือกให้เป็น "KOL" (Key Opinion Leader) หรือ Influencer Marketing ทางด้านไฟฟ้าจากพลังงานที่สะอาด จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ผลจากการรณรงค์ให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ในโครงการ "ไฟ จาก ฟ้า พลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้" ทำให้โครงการดังกล่าวได้รับรางวัล Thailand Influencer Awards 2019 ในสาขา Best Influencer Campaign of the year และรางวัล Best Game Changer in Influencer Marketing โดยวีดีโอต่าง ๆ มีการเข้าถึงกว่า 21 ล้านวิว และผ่านเมนูเพจช่องวัน 31 และเพลงแสงของดวงตะวันมีการชมกว่า 32 ล้านครั้ง เป็นต้น

ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว ของ ททท. หลายครั้ง เช่น ในปี พ.ศ. 2548 ได้รับเลือกเป็นพรีเซ็นเตอร์โครงการ "เที่ยวที่ไหนไม่สุขใจเท่าบ้านเรา" ซึ่งนำเสนอในช่วงหลังเกิดคลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย ต่อมาในปี พ.ศ. 2552 ได้รับเลือกเป็นพรีเซ็นเตอร์ ททท. "โครงการเที่ยวไทยครึกครื้นเศรษฐกิจไทยคึกคัก" สร้างการรับรู้ให้กับคนไทยถึง 99% จากการเปิดเผยของ ททท. "โครงการ 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน"

นอกจากนั้นเขาเป็นผู้ขับร้องเพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณา ททท. "ไปเที่ยวกัน" (พ.ศ. 2552) ในปี 2553 เพลง "ร้องไห้ทำไม" ในอัลบั้ม ชุดรับแขก ยังได้รับคัดเลือกให้ทำคำร้องใหม่เป็นภาษาจีนกลางเพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทย โดยเผยแพร่ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2554 ต่อมาใน พ.ศ. 2554 ททท. เผยแพร่มิวสิควีดีโอภาษาจีนกลางในเพลง "Why the tear" โดยธงไชยเป็นผู้ร้อง เพื่อนำไปเผยแพร่ในหลายประเทศเอเชีย 

ด้านการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม เขามีบทบาทในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมผ่านผลงานของเขา ซึ่งผลงานเพลงของเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดคืออัลบั้ม ชุดรับแขก เป็นผู้เผยแพร่วัฒนธรรมไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้ดนตรี 4 ภาคของไทย

บุษบา ดาวเรือง ผู้บริหารแกรมมี่ กล่าวว่า

"ธงไชยทำได้ดีมากคือความเป็นไทย คนที่ไปดูแบบเบิร์ดเบิร์ดที่เขาเล่นลิเกแล้วบอกว่า เขาคือสะพานสายรุ้งที่พาศิลปวัฒนธรรมไทยไปสู่คนรุ่นใหม่" ในคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดของเขาแต่ละครั้งสอดแทรกศิลปะวัฒนธรรมไทย เช่น ลำตัด รำกลองยาว รำลาวกระทบไม้ รำกะลา การแสดงหุ่นละครเล็ก เป็นต้น นอกจากนั้นจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่เลือกเขาเป็นต้นแบบการ์ตูนแอนมิชั่นเรื่อง เบิร์ดแลนด์ แดนมหัศจรรย์ พร้อมทั้งใส่เสียงพากย์และบทเพลงของเขาลงในการ์ตูนดังกล่าว และมีการจัดทำตอนพิเศษ "ส่งเสริมคุณค่าของวัฒนธรรมไทย" 

นักร้องเพลงเฉลิมพระเกียรติ และเพลงเพื่อเป็นกำลังใจ

นักร้องเพลงเฉลิมพระเกียรติ ธงไชยได้รับเลือกให้ขับร้องเพลงเนื่องในโอกาสพิเศษต่าง ๆ เสมอ โดยเฉพาะการขับร้องเพลงเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เขาจึงเป็นหนึ่งในศิลปินที่ขับร้องบทเพลงเพื่อพ่อของแผ่นดินมากเป็นอันดับต้นๆ ของเมืองไทย เช่น เพลง "ต้นไม้ของพ่อ" "ของขวัญจากก้อนดิน" "รูปที่มีทุกบ้าน" "พระราชาผู้ทรงธรรม" "ตามรอยพระราชา" "ในหลวงในดวงใจ" และ"เหตุผลของพ่อ"

โดยธงไชยกล่าวถึงบทเพลงที่ขับร้องว่า

"เพลงเหล่านั้นไม่ใช่เพลงของเขา แต่เป็นเพลงของคนไทยทุกคน เขาเป็นเหมือนตัวแทนที่ถ่ายทอดความรู้สึกของทุกคนที่ไม่มีโอกาสได้แสดงความจงรักภักดี เวลาร้องเพลงรู้สึกเหมือนเป็นตัวแทนทุกคนกราบพระบาทท่าน แล้วทูลพระองค์ว่าเรารักพระองค์และรู้ว่าพระองค์ก็รักเรา" ซึ่งเขาเคยได้ถวายการรับใช้ ร้องเพลงต่อหน้าพระพักตร์พระองค์ท่านและพระบรมวงศานุวงศ์ ทั้งที่พระราชวังไกลกังวล และประเทศสวิตเซอร์แลนด์ 

 

บทเพลงถวายพระบรมวงศานุวงศ์เพลงอื่นๆ  เนื่องในโอกาส หรือเหตุการณ์สำคัญ  

  • เพลงคือสายใย เนื่องในโอกาสพระชันษาครบ 1 ปี พระองค์เจ้าทีปังกรฯ
  • เพลงส่งนางฟ้ากลับสวรรค์" เนื่องในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
  • เพลงสายใยแผ่นดิน บทเพลงเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
  • เพลงรัตนราชกุมารี ในวโรกาสเฉลิมพระชนมายุ 5 รอบ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
  • เพลงเจ้าฟ้ามหาจักรี เป็นเพลงเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตราชสุดาฯ จัดทำโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เป็นต้น
  • นักร้องเพลงเพื่อเป็นกำลังใจ ธงไชยได้รับเลือกให้ขับร้องเพลงเพื่อเป็นกำลังใจในเหตุการณ์สำคัญ เช่น เพลงสำหรับผู้อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
  • เพลงฝากส่งใจไป เพลงให้กำลังใจผู้ประสบภัยสึนามิ
  • เพลงอีกไม่นาน และบทเพลงภาษาอื่น เช่น ภาษายาวีในเพลง ซัมไปกันฮาตี (Sampaikan Hati) เพื่อให้กำลังใจแก่ชาวไทยจังหวัดชายแดนภาคใต้
  • เพลงภาษาญี่ปุ่น บทเพลง Thai for Japan เพลงเป็นกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิใหญ่ในโทโฮะกุ ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้นมีบทเพลงเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ
  • เพลงชีวิตลิขิตเอง เพลงสำหรับโครงการถนนสายแสงตะวัน เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีในสังคม ถนนสายแสงตะวัน 
  • เพลงสำหรับโครงการไฟจากฟ้า แสงของดวงตะวัน เพลงโครงการโรงพยาบาลไฟจากฟ้าพลังงานสะอาด ให้โลกได้เห็น (น้ำใจคนไทย)
  • เธอผู้ไม่แพ้
  • เล่าสู่กันฟัง
  • จับมือกันไว้
  • ไม่แข่งยิ่งแพ้  

ภาพลักษณ์

ความกตัญญู และคุณธรรม

ในปี พ.ศ. 2534 หนังสือพิมพ์เอกชน ยกให้ธงไชยเป็นศิลปินที่ "แบบอย่างดีและกตัญญูที่สุด" โดยธงไชยได้รับ "รางวัลลูกกตัญญู" จากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 มหาวิทยาลัยรามคำแหง สำรวจความคิดเห็นต่อเขาพบว่า ภาพลักษณ์ที่ทำให้เขายังครองความเป็นซูเปอร์สตาร์ลำดับแรกคือความกตัญญู และในปี พ.ศ. 2550 เขาได้รับ "รางวัลยอดกตัญญู" จากกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับ ชมรมลูกกตัญญู เป็นต้น

หลังจากมารดาอุดมเสียชีวิต หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนีประทานพระเมตตาด้วยเห็นว่าธงไชยเป็นคนมีความกตัญญูอย่างแท้จริง ทรงกรุณารับเขาเป็นเสมือนบุตรบุญธรรม 

ในปี พ.ศ. 2554 ธงไชยได้รับรางวัลศิลปินคุณธรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย จากสภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2555 ได้รับประทานโล่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา จัดโดยสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช

และในปีเดียวกันได้รับรางวัลบุคคลที่มีหัวใจโพธิสัตว์ ซึ่งทำประโยชน์เพื่อสังคม โดยศันสนีย์ เสถียรสุต ผู้ก่อตั้งเสถียรธรรมสถาน ในปี พ.ศ. 2556 ได้รับประทานโล่รางวัล คนดี คิดดี สังคมดี ตามรอยพระยุคลบาท โดยสมัชชานักจัดรายการข่าววิทยุโทรทัศน์หนังสือพิมพ์ฯ

และในปีเดียวกันได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติบุคคลซึ่งเป็นเพชรน้ำงามที่สุด งานดาราเดลี่ เดอะ เกรท อวอร์ดส์ ครั้งที่ 2 สำหรับศิลปินที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด เป็นแบบอย่างที่ดีของคนในวงการบันเทิงของประชาชน ในปี พ.ศ. 2557 ได้รับรางวัลเกียรติยศศิลปินผู้ทรงคุณค่าต่อวงการบันเทิงและทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ จากงานมอบรางวัลดาวเมขลา เป็นต้น

ผู้ให้ความบันเทิง

ภาพลักษณ์ของเขาจากผลสำรวจของรามคำแหงโพล ปี พ.ศ. 2545 ที่สำคัญอีกด้านคือการให้ความบันเทิงแก่ผู้ชม และในปี พ.ศ. 2556 จากสรุปผลงานคอนเสิร์ตของธงไชย เขาเป็นผู้ให้ความบันเทิงตั้งแต่อดีตจนถึงบัดนี้ทำให้ได้รับความนิยมอย่างยาวนาน ความสามารถของจับกลุ่มคนฟังได้กว้างตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ ในปี พ.ศ. 2557 เขามีรายชื่อเข้าชิงรางวัลระดับโลก World Music Awards 2014 สาขา World's Best Entertainer 

บทเพลงของเขา เป็นป็อบโดยพื้นฐาน มีผสมผสานดนตรีต่างๆ เช่น อาร์แอนด์บี ริทึมแอนด์บลูส์ ฟังค์กี้ ร็อก แดนซ์ บูกีวูกี ซินท์ป็อป อิเล็กทรอนิกส์ป็อป ลูกกรุง ฮิปฮอป หมอลำ อะคูสติก โฟล์ก เป็นต้น ซึ่งมีความร่วมสมัยฟังได้ทุกเพศทุกวัย ทำให้เขามีเพลงยอดนิยมในระดับสูงสุดเป็นสถิติในอุตสาหกรรมดนตรีไทย การขับร้องและการแสดงออกผ่านสื่อต่างๆ รวมถึงการแสดงบนเวที ที่สร้างความประทับใจแรกเริ่ม สามารถดึงดูดให้เกิดความสนใจทั้งจากรูปร่างหน้าตา บุคลิกภาพ น้ำเสียง ลีลาการร้องการแสดง คุณลักษณะเหล่านี้ร่วมกับพื้นฐานของเแก้วเสียง เสียง

และการขับร้องเพลงที่ดีอย่างมีพรสวรรค์ ความเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ที่ยอดเยี่ยม และสมบูรณ์แบบที่สุด ประกอบกับภาพลักษณ์ของเขามีความอบอุ่นเป็นกันเอง คือคุณสมบัติพิเศษทำให้เขาเป็นที่นิยมยาวนาน สำหรับงานเปิดแสดงคอนเสิร์ตของเขามีผู้ชมการแสดงเต็มทุกรอบ ตั้งแต่ พ.ศ. 2529 เขามีคอนเสิร์ตใหญ่คอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ ทั้งหมด 11 ครั้ง 162 รอบการแสดง

โดยเฉพาะคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดครั้งที่ 9 มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่จัดคอนเสิร์ตจากศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เปลี่ยนเป็นอิมแพ็ค เมืองทองธานี ทำให้คอนเสิร์ตครั้งนั้นมียอดผู้ชมเกิน 1 แสนคน เป็นสถิติสูงสุดของนักร้องไทย นอกจากนั้นเขามีคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบอื่น ๆ สลับกันไปในแต่ละปี

 

ชีวิตส่วนตัว

หลังเข้าวงการบันเทิงและประสบความสำเร็จอย่างสูงกอปรกับเป็นชายโสด เขาจึงได้รับวิจารณ์จากสื่อทั้งในแง่บวก และลบ เป็นเหตุให้เขาพยายามเก็บตัวเงียบ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ผู้บริหารแกรมมี่ เคยกล่าวว่า "เขากลายเป็นคนสาธารณะแล้ว เขาไม่มีชีวิตส่วนตัว การประพฤติปฏิบัติตัวของเขาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อได้ทั้งในแง่บวกและลบเสมอ

ซึ่งในแง่ลบตัวเองพอจะทนได้ แต่เป็นห่วงแม่ เพราะแม่จะกังวล สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือเก็บตัวเงียบ เงียบเพื่อไม่ให้เป็นข่าวใดๆ เลย" ในวงการบันเทิงเขามี พรพิชิต พัฒนถาบุตรเป็นผู้จัดการส่วนตัว และมีบุษบา ดาวเรือง เป็นผู้ดูแลงานของเขามาตลอด" สำหรับการใช้จ่าย มีเจ้าหน้าที่ของแกรมมี่ช่วยทำบัญชี

โดยพรพิชิต ผู้จัดการส่วนตัวเล่าว่า "ถ้าอยู่เมืองไทย เขาไม่ค่อยมีเวลาและโอกาสที่จะไปไหนตามลำพัง จนบางทีเขาก็ตามสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นไม่ทัน เขาไม่เคยเดินซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้า นอกจากเวลาไปเมืองนอก" 

บุคลิกนิสัย

ธงไชยเป็นคนมองโลกในแง่ดี ตั้งใจทำงาน ตรงต่อเวลา และหมั่นพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ธงไชยทุ่มเทให้กับการทำงานเป็นหลัก โดยเขาเคยกล่าวว่า “ความสุขของเขาอยู่ที่งาน ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง หรือการโชว์คอนเสิร์ต" สัญญา คุณากรกล่าวถึงธงไชยว่า "เป็นคนตรงต่อเวลามาก ให้เกียรติคนทำงานทุกคน เคารพตนเองพยายามเพิ่มทักษะในการทำงาน" เขามีห้องส่วนตัวสำหรับทำงาน และห้องซ้อมคอนเสิร์ตภายในอาคารแกรมมี่

โดยเขาใช้เวลาซ้อมเต้นไม่ต่ำกว่าวันละ 3 ชั่วโมงในช่วงมีคอนเสิร์ต รุ่งโรจน์ ดุลลาพันธ์ ซึ่งเป็นครูสอนร้องเพลง กล่าวถึงความมีวินัยและความรับผิดชอบของธงไชย “เขาซ้อมร้องเพลงวันจันทร์ถึงศุกร์วันละ 2 ชั่วโมง โดยไม่ขาดเรียน พร้อมทั้งวอร์มเสียงกับออกกำลังกายก่อนเริ่มฝึกอย่างมีวินัย และทุกครั้งจะมีการบันทึกเสียงการซ้อมเอาไว้ เพื่อใช้เป็นแบบฝึกหัดสำหรับการซ้อมด้วยตัวเอง”

นอกจากการทำงานที่บริษัทฯแล้ว เขาชอบอยู่บ้าน เขาเล่าว่า "เขาไม่ได้ต้องการชีวิตส่วนตัว หรือไม่ได้รู้สึกสูญเสียอิสระ ส่วนหนึ่งเพราะสมัยอยู่ที่บางแคเขาไม่ค่อยมีเงินออกมาเที่ยวข้างนอกบ่อย พอไม่ค่อยได้ออก เขาจึงไม่ได้มีความต้องการอะไรมาก ไม่อยากไปช้อปปิ้ง ดูหนัง หรือไปเที่ยวเหมือนคนทั่วไป" 

 

ครอบครัว

ธงไชย มีพีน้อง 10 คน เขาเป็นบุตรคนที่ 9 ของ เจมส์ (จิมมี่) แมคอินไตย์ และอุดม แมคอินไตย์ โดยครอบครัวของเขาร่วมกันทำบุญทุกเทศกาล เช่น ทำบุญปีใหม่ ทำบุญสงกรานต์ รวมถึงการทำบุญให้มารดา ทำบุญวันเกิดมารดา ทำบุญครบรอบวันเสียชีวิตของมารดา เป็นต้น และธงไชยเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนการศึกษาให้หลาน และเขาให้เงินเดือนกับพี่ของเขาทุกคน

ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม กล่าวถึงเขาว่า

"เขานำเงินที่ได้ไปสร้างบ้านเป็นงานหลัก เขาซื้อบ้านใบไม้ซึ่งมีเรือนไม้เรือนไทยสำหรับแม่ เขามีบ้านศรีราชา มีบ้านที่เชียงราย มีบ้านที่สวิส เป็นต้น ว่างเมื่อไหร่เขาจะพาแม่ไปเที่ยวตามบ้านที่ตัวเองปลูก และยังเผื่อแผ่ให้พี่ๆ น้องๆ ด้วย" 

สำหรับบ้านที่จังหวัดเชียงรายเขาสร้างให้มารดา เขาเล่าว่า "บ้านไร่อุดมสุข ซึ่งมาจากชื่อมารดาของเขา ทำเกษตรแบบผสมผสานเศรษฐกิจพอเพียง ดำเนินตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9" ในวันที่เขาได้ไปถวายงานร้องเพลงเฉพาะพระพักตร์ที่วังไกลกังวล ในพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส 50 ปี ในหลวงรัชกาลที่ 9 รับสั่งว่า "ปลูกข้าวที่เชียงรายอยากให้ทำต่อไปนะ เบิร์ดเป็นคนดีที่หนึ่ง"

และอีกครั้งในงานวันประสูติของหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ซึ่งเป็นบุคคลที่เขานับถืออย่างสูง และเรียกว่า "ท่านพ่อ" เพราะทรงรับเขาเป็นเสมือนบุตรบุญธรรม เขาได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ ถวายข้าวจากไร่ของเขา ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีรับสั่งกับเขาว่า "อ่านและรู้เรื่องของเบิร์ดหมดแล้ว เบิร์ดเป็นนักร้องก็ดีที่หนึ่ง เป็นเกษตรกรก็ดีที่หนึ่ง" 

 

รางวัลเกียรติยศ

ประเภทนักร้อง

ก่อนเข้าวงการเพลง ธงไชยเคยได้รับรางวัล "นักร้องดีเด่น" และรางวัลพิเศษจากคณะกรรมการอีก 2 รางวัล จากการเข้าร่วมประกวดร้องเพลงชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย สยามกลการ และเมื่อเข้าวงการเพลงเขามีอัลบั้มเต็ม 16 อัลบั้ม และอัลบั้มพิเศษต่าง ๆ รวมแล้วมียอดจำหน่ายมากกว่า 25 ล้านชุด และมียอดจำหน่ายสูงสุดตลอดกาลติดระดับแนวหน้าของเอเชีย 

เขาได้รับรางวัลชมเชยการขับร้องเพลงดีเด่นด้านภาษาไทย จากผลการประกวดเพลง (เพชรในเพลง) โดยกรมศิลปากร(ศก.) เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ 4 รางวัล, รางวัลนักร้องยอดนิยมจากสื่อบันเทิงต่าง ๆ เช่น จากสมาคมนักข่าวบันเทิง งานสตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ดส ธงไชยได้รับ 2 รางวัล, สยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์ 2 รางวัล, ท็อปอวอร์ด ได้ 6 รางวัล จากสมาคมนักข่าวบันเทิง เป็นต้น

รางวัลพิเศษต่าง ๆ รางวัล Favorite Artist Thailand ณ ประเทศสิงคโปร์ จากผลรางวัลเอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดส ครั้งที่ 3 รางวัลศิลปินไทยแห่งปี เว็บไซต์ พันทิป.คอม รางวัลพิเศษ Inspiration Award จาก เอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดส รางวัล GRAND INSPIRATION จาก Seed award เป็นต้น

และเกียรติบัตร Male Artist of The Year จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รางวัล Hottest Male Artist และรางวัล SEED Hall of fame รางวัลนักร้องชายแห่งปี จากรายการไนน์เอ็นเตอร์เทน รางวัลเกียรติยศ Lifetime Achievement Award สำหรับุคคลที่มีผลงานโดดเด่น และเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่สังคม จากงานประกวด เคพีเอ็น อวอร์ด รางวัลเกียรติยศแห่งปี Joox Icon Award จากงาน JOOX Thailand Music Awards พ.ศ. 2561 เป็นต้น

สำหรับรางวัลประเภทมิวสิกวิดีโอ อัลบั้ม คอนเสิร์ต เขาได้แชนแนลวีไทยแลนด์หลายรางวัล เช่น รางวัลมิวสิกวีดีโอศิลปินชายยอดนิยม ในเพลง "เล่าสู่กันฟัง" "แฟนจ๋า" "โอ้หละหนอ My love" "ทูมัชโซมัชเวรีมัช" เป็นต้น โดยเพลง "แฟนจ๋า" และ "โอ้หละหนอ My love" ได้รับรางวัลมิวสิกวีดีโอยอดเยี่ยมด้วย จากแชนแนลวีไทยแลนด์และจากคลื่นวิทยุ FAT radio 104.5 และเพลง "รูปที่มีทุกบ้าน" ได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ สาขามิวสิควิดีโอดีเด่น เป็นต้น

สำหรับ รางวัลประเภทอัลบั้ม เช่น รางวัลอัลบั้มเพลงป๊อบยอดเยี่ยม ชุดรับแขก จากนิตยสาร แฮมเบอร์เกอร์ สำหรับรางวัลประเภทคอนเสิร์ต รางวัลพิเศษไทยประดิษฐ์จากคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์ จากแชนแนลวีไทยแลนด์ เป็นต้น

สำหรับรางวัลประเภทผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ เช่น รางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ในเพลง "สบาย สบาย" จากภาพยนตร์ หลังคาแดง ในงานรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ และเพลง "เธอคนเดียว" จากภาพยนตร์คู่กรรม รางวัลพระสุรัสวดี เพลงสร้างสรรค์พิเศษเพลง "ต้นไม้ของพ่อ" จากผลรางวัลพระพิฆเนศทอง รางวัลเพลงนำละครดีเด่น เพลง "นิรมิต" จากละครนิรมิต

งานประกาศผลรางวัลเมขลา รางวัลเพลงยอดเยี่ยม ซึ่งได้รับจากนิตยสารสีสันต์ ในเพลง "เล่าสู่กันฟัง" และ "น้ำตา" สำหรับเพลง "จะได้ไม่ลืมกัน" ประกอบภาพยนตร์ ความจำสั้น แต่รักฉันยาว ได้รับรางวัลเพลงประกอบจากภาพยนตร์ไทยแห่งปี จากผลรางวัลเฉลิมไทยอวอร์ด

และรางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ รางวัลเพลงเต้นตายเพลง "ทูมัชโซมัชเวรีมัช" จากรายการ Bang Channel รางวัลเพลงยอดนิยมเพลง "อย่าทำอย่างนี้ไม่ว่ากับใครเข้าใจไหม" จาก Intensive Watch รางวัลท็อปดาวโหลดเพลง "คนแพ้ที่ไม่มีน้ำตา เป็นต้น

 

ประเภทนักแสดง

ธงไชยแสดงภาพยนตร์ไทยทั้งหมด 7 เรื่อง โดยบทบาทสำคัญในการก้าวสู่การเป็นพระเอกภาพยนตร์อย่างเต็มตัว ในปี พ.ศ. 2528 จากภาพยนตร์ เรื่อง ด้วยรักคือรัก ส่วนด้านละครเรื่องแรกเขาเริ่มจากบทบาทนักแสดงสมทบในละครน้ำตาลไหม้ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลผู้แสดงสมทบยอดเยี่ยม สำหรับบทบาทพระเอกละครที่สร้างชื่อเสียงที่สุด ในปี พ.ศ. 2533 ละครคู่กรรม ออกอากาศทางช่อง 7

สร้างประวัติศาตร์ละครที่มีเรตติ้งสูงสุดของไทย เรตติง 40 จากการสวมบทบาทเป็น "โกโบริ" ทำให้เขาได้รับรางวัลใหญ่ในยุคนั้นทั้ง 2 รางวัล คือ รางวัลนักแสดงนำชายดีเด่น จากงานประกาศผลรางวัลเมขลา ครั้งที่ 10 และรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากงานประกาศผลรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 5

และในปี พ.ศ. 2536 เขากลับมาเล่นละครอีกครั้งในละคร วันนี้ที่รอคอย ซึ่งเป็นละครสร้างชื่อเสียงอีกเรื่องหนึ่งของเขาในบทบาท เจ้าซัน เขาได้รับรางวัลดารานำชายดีเด่น จากประกาศผลรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 8 และในปี พ.ศ. 2538 เขากลับมารับบทบาท โกโบริ อีกครั้งในภาพยนตร์คู่กรรม

ซึ่งเป็นอีกปรากฏการณ์ที่นักแสดงกลับมารับบทบาทเดียวกันถึง 2 ครั้ง เขาได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากงานประกาศผลรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ประจำปี พ.ศ. 2538 เป็นต้น

ประเภทภาพลักษณ์

สมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทยได้ให้ฉายากับธงไชย คือ "ดาวค้างกรุ" ในปี พ.ศ. 2548 และ "ป๋าพันปี" ในปี พ.ศ. 2550 เนื่องจากไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปียังคงดังทนดังนานเหมือนเดิม เป็นที่เชิดหน้าชูตาให้กับวงการบันเทิง นอกจากนั้นสื่อมวลชนยังให้สมญาณามกับเขาอีกมากมาย เช่น ซุปเปอร์สตาร์ตลอดกาล ดาวค้างฟ้าขวัญใจมวลชน เป็นต้น

โดยธงไชยได้รับรางวัลที่สะท้อนทางด้านภาพลักษณ์หลายรางวัล เช่น จากนิตยสาร ทีวีพูล 5 รางวัล เช่น รางวัลศิลปินในดวงใจ รางวัลขวัญใจประชาชน และเขาได้รับรางวัลสตาร์ไอดอล เป็นต้น และเขาได้รับรางวัลจากนิตยสาร In Magazine รางวัลดาวค้างฟ้าชายแห่งปี 3 ครั้ง และได้รับรางวัลพิเศษที่สุดในดวงใจศิลปิน จากผลรางวัลพิเศษ Gmember 2 รางวัล เป็นต้น

ประเภทพิธีกร นักพากย์

เขาได้รางวัลเมขลาด้านผู้ดำเนินรายการดีเด่นชาย จากการเป็นพิธีกร 7 สีคอนเสิร์ต ปี พ.ศ. 2529 เขาได้รางวัลโทรทัศน์ทองคำ สาขาทีมพากย์การ์ตูนดีเด่นร่วมกับทีมงานเบิร์ดแลนด์ แดนมหัศจรรย์ ปี พ.ศ. 2555 

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ เหรียญ

  • พ.ศ. 2534  เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.) 
  • พ.ศ. 2548 เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 7 เหรียญเงินดิเรกคุณาภรณ์ (ร.ง.ภ.)
  • พ.ศ. 2555 เหรียญกาชาดสมนาคุณ ชั้นที่ 1 (เหรียญทอง) 

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
ขอขอบคุณรูปภาพจากอินสตราแกรม : birdthongchai

 

ฟังเพลงออนไลน์ เพลงใหม่ ได้แล้ววันนี้บน TrueID ทั้ง เว็บไซต์ และ แอปพลิเคชัน 

 

 

อ่านข่าว เพลงใหม่วันนี้ อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง :

 

บทความที่เกี่ยวข้อง