Destiny of Love พรหมลิขิต ชีวิต ดนตรี โป้ YOKEE PLAYBOY

หากพูดถึง “Yokee Playboy” คุณจะนึกถึงอะไร… ?

ลีลาการส่ายสะโพก และบั้นท้ายอันแสบทรวงบนเวที ?
เสียงกีต้าร์โซโล่ในท่อนอินโทรของเพลง “คืนนี้ขอหอม” ?
หนวดเครา และการแต่งตัวกึ่งๆ ฮิปปี้ ?
เนื้อหาเพลงที่ออกแนวอีโรติกเบา ๆ
หรือจะเป็นวงดนตรีวงหนึ่งที่อยู่ยงคงกระพัน มานับตั้งแต่อัลบั้มแรก (Yokee Playboys) วางแผงในวันที่ 26 กันยายน 2539 หรือกว่า 21 ปีมาแล้ว !!!

คืนนี้ขอหอม, ทำร้าย, ขอให้ผม, อีกแล้ว, อยากมองเธอในแง่ร้าย, ต่อให้ต้องบอกในใจ, สบายสไตล์, แผลเป็น, อากาศ ฯลฯ (เยอะมากๆ) นี่ถือเป็นแค่ผลงานแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่สามารถเข้าไปครองใจแฟนเพลงในบ้านเราตลอดสองทศวรรษ จนทำให้ “Yokee Playboy” กลายเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่มีฐานแฟนเพลงกว้างที่สุดวงหนึ่งในประเทศไทย (16 ถึง 40+)

ในฐานะแฟนเพลงตัวยง ที่ตามร้อง ตามเสพผลงานของ “Yokee Playboy” มาตั้งแต่สมัยมัธยม วันนี้ผมมีความยินดี และเต็มใจที่จะได้มาพูดคุยกับบุรุษผู้เป็นทั้งศิลปิน, นักแต่งเพลง, มือเบส, มือเปียโน (เรียนพร้อมกับลูกสาว) ที่ออกมายืนยันว่า “ดนตรี” นั้นก็สำคัญไม่ต่างอะไรไปกับ “อากาศ” และ “ความรัก” ในบทเพลงเท่านั้น ที่นำเจ้าตัวก้าวมาถึงตรงจุดนี้ พี่โป้ ปิยะ ศาสตรวาหา หรือที่เราเรียกกันแบบคุ้นปากว่า “โป้ Yokee Playboy”

EPISODE : พรหมลิขิต

อะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้ พี่โป้ ถึงตัดสินใจเลือกก้าวเข้ามาในเส้นทางของดนตรี ?

YKPB : พี่ว่าละคนมีแนวทางของตัวเองเสมอ อย่างพี่เองตอนแรกก็ตั้งใจที่จะไปเป็นครูสอนศิลปะ ไปเป็นสถาปนิก คือชีวิตมีแต่จับดินสอ จับปากกา แต่ก็มาฉุกคิดได้ว่าจริงๆ แล้วชีวิตพี่เนี่ยไม่เคยห่างจากดนตรีเลยตั้งแต่สมัยมัธยม คือเราเอาดนตรีเป็นตัวบาลานซ์การเรียน ทุกอย่างผ่อนคลายด้วยดนตรีหมด ไม่ว่าจะทั้งการฟัง พอฟังเยอะๆ ก็เริ่มให้พี่ชายสอนกีต้าร์เพราะอยากเล่น ก็เริ่มแกะเพลง พอนานเข้าๆ ก็รู้สึกว่า เออ เราอยากจะทำเพลงในแบบของเรา

การฟังเพลงตั้งแต่ในวัยเด็ก ถือเป็นจุดเริ่มต้น และมีอิทธิพลต่องานของ YKPB เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ?

YKPB : แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาครับ เอาเทปสากลชุดแรกดีกว่า เทปรู้จักมั๊ยครับ ? (ฮา) คล้าย ๆ ซีดี เป็นฮาร์ดแวร์อย่างหนึ่ง เริ่มแรกฟัง Boy George : Karma Chamaleon จนไปถึง Bon Jovi เริ่มมีความร็อคมากขึ้น พอตอนใกล้จะเข้ามหา’ลัย ก็เปลี่ยนมาเป็นแนว Soul Funk มี Lenny Kravitz, Terence Trent D’arby ลากยาวจนไปถึง Earth Wind & Fire มี Pink Floyd

พี่ว่าความสนใจทั้งหมดนี้มันมีผลต่อการทำงานของ Yokee Playboy ทุกชุดเลยด้วยซ้ำ คือสังเกตง่ายๆ เลยว่าแต่ละชุดของ YKPB มันจะมีส่วนผสมของดนตรีที่แตกต่างกัน ชุดแรกๆ (Yokee Playboys : 2539)อาจจะมีความเป็น Soul ปน Funk เยอะ ติดกลิ่น 70’s แต่พอเป็นชุด Super Swinging (2541) จะมีลูกเล่นพวกดิสโก้เข้ามาอยู่พอสมควร

การทำงานภาพใต้สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยอาร์ตติสท์ชั้นครู ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการเล่นดนตรีของพี่โป้ ?

YKPB : จริงๆ แล้วพี่เป็นคนที่ไม่เก่งอะไรเลย โดยเฉพาะเรื่องดนตรี (ฮา) แต่โชคดีที่รอบข้างพี่มีแต่คนเก่ง มีแต่คนเก่งๆ มาช่วย อย่างสมัยที่ทำเพลงกับ เบเกอรี่ มิวสิค ต้องถือว่าเป็นสถานที่ที่ทำให้พี่ได้พบปะกับนักดนตรีที่… ที่สุดโต่ง (หัวเราะ)

ทำไมต้องใช้คำว่า “สุดโต่ง” ?

YKPB : เพราะว่าทุกคนมีแนวทางการทำงานเป็นของตัวเองจริงๆ อย่าให้ได้เล่านะครับ (หัวเราะ) ศิลปินบางท่านนี่ถึงขั้นจุดธูปจุดเทียนร่ายรำในห้องอัด มีกลิ่นกำยานกับบทสวดที่แปลกประหลาด ณ วินาทีนั้นพี่เองก็งงว่าเค้าทำอะไรกัน (ฮา) นี่มันคือการทำเพลงหรือนี่ ? คือทุกคนมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก แต่การทำเพลงที่ เบเกอรี่ เนี่ยพี่บอกเลยว่าสนุกที่สุด

นั่นถือเป็นจุดพีคของการทำเพลงของพี่โป้เลยรึเปล่า ?

YKPB : พี่ยกให้เป็น ยุคเรเนซองส์ ของตัวเองเลย คือเป็นยุคที่เฟื่องฟู รุ่งเรืองมาก คือมันเป็นช่วงเวลาที่ตัวพี่เองกำลังเบนเข็มจากการจับปากกาดินสอ มาจับกีต้าร์ อย่างที่บอกคือในช่วงปี 40 สายงานพี่เองมีน้อยคนจริงๆ ที่จะได้ทำงานตามสิ่งที่ตัวเองเรียนมา การเลือกจับกีต้าร์ แล้วร้องเพลงในช่วงเวลานั้นน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้พี่ไม่รู้สึกเครียด หรือกังวล ตอนนั้นพี่เองถูกบรรจุให้เป็นพนักงานเขียนเพลงคนแรกของค่ายเบเกอรี่ อาจจะเป็นพระเจ้าก็ได้นะที่เลือกให้พี่มาอยู่ในเส้นทางนี้ พี่เลยตัดสินทุ่มกับดนตรีอย่างเต็มที่ และมีความสุขกับมัน

เบเกอรี่ มิวสิค ให้อะไรกับพี่โป้บ้าง ?

YKPB : ให้ความสุขครับ ให้ความสัมพันธ์ที่ดีต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ทุกคนน่ารักมาก คือเรายังคงติดต่อพูดคุย หรือแลกเปลี่ยนกันเหมือนครอบครัว พี่มอง เบเกอรี่ มิวสิค เป็นเหมือนเบ้าหลอมที่ใช่สำหรับพี่ เราคล้ายๆ กันคือเราเหมือนน้ำที่ไม่เต็มแก้ว และพร้อมที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ ทุกคนทำงานตามความเชื่อ มันก็ส่งผลต่อเนื่องมาจนทำให้ทุกคนรู้จัก YKPB ในแบบที่เราเป็นจริงๆ

จาก Yokee Playboy สู่การเป็นหนึ่งในสมาชิกของ 2 Days Ago Kids ?

YKPB : คือในช่วงนั้นดนตรีเป็นเหมือนแรงบันดาลใจ เป็นแรงผลักดันชีวิต เป็นทุกๆ อย่าง 2 Days Ago Kids ก็เลยถือกำเนิดขึ้นจากการรวมตัวกันของพี่น้องนักดนตรีจากหลายๆ ค่าย โดยมีแกนนำคือ คุณเจอรี่ ศศิศ มิลินทวณิช ก็ได้ทดลองการทำเพลงใหม่ๆ ร่วมกัน ซึ่งปรากฏว่างานมัน Success มาก ก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ อีกช่วงหนึ่ง

นั่นเหมือนกับว่าทุกครั้งที่พี่โป้ทำเพลง นั่นคือการทดลอง ?

YKPB : ใช่ แต่เป็นการทดลองเพื่อความพึงพอใจของตัวเองเป็นหลักก่อน สนอง Need ตัวเองก่อน ก็เลยคิดว่าเราน่าจะเหมาะกับการทำเพลงแบบอิสระ เพราะตัวเองทำเพลงตลาดไม่เป็น คือจะเดินมาบอกให้พี่เขียนเพลงให้ดัง พี่บอกเลยว่ายาก (หัวเราะ) พี่ไม่รู้ พี่เชื่อว่าถ้าเราทำเพลงออกมาในแบบที่เราชอบ เพลงมันดีในแบบของเรา ชีวิตมันก็จะออกมาดี มีความสุข อาจจะวัดเป็นตัวเงินไม่ได้ แต่ความสุขในมุมอื่นๆ มันมากกว่า

พี่โป้ ก็เลยมีฐานแฟนเพลงที่มีช่วงอายุหลายหลายเอามาก ๆ และแผ่วงกว้างไปทั่วประเทศ ?

YKPB : พี่ว่ามันเป็นพร เป็นบุญบันดาล คือ YKPB เป็นวงที่ไม่เคยได้รับรางวัลจากสถาบันดนตรีใดๆ เลย (หัวเราะ) ไม่มีเลย มันแห้งแล้งมาก แต่ว่าการที่เรายังคงมีคนที่ติดตาม และเข้าถึงได้ทั่วประเทศเนี่ย พี่ว่ามันเป็นเหมือนรางวัลของวงที่ทำให้พี่ดีใจจนพูดไม่ถูกเลย เพลงที่เราสามารถส่งผ่านไปยังกลุ่มคนอีกรุ่นหนึ่งได้เนี่ย มันเท่ากับว่าเพลงมันได้ทำงานด้วยตัวมันเอง ไม่เกี่ยวกับ โป้ โยคีเพลย์บอย เลย ถือว่าเป็นของขวัญที่ล้ำค่า และหล่อเลี้ยงให้เรายังคงทำงานตรงนี้อยู่

EPISODE : ชีวิต

ถ้าให้พี่โป้นิยามคำว่า “YOKEE PLAYBOY” เป็นคนสักคนหนึ่ง ?

YKPB : มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองทำ รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ และจะทำอะไรต่อไป

การเนรมิตบทเพลงให้กับ Yokee Playboy ขึ้นมาสักเพลง มีสเต็ปหรือวิธีการอย่างไร

YKPB : พี่โป้แบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกขอเรียกมันว่า “วัตถุดิบ” คือการคิดเนื้อร้อง กับเมโลดี้มาเลย อีกส่วนหนึ่งคือ “การปรุง” คือการคิดซาวน์ด การนำทุกอย่างมาคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน งานของ YKPB น่าจะเป็นฝันร้ายของ Sound Engineer เลยก็ว่าได้นะ (ฮา) คือมันมีหลายมิติมาก แต่สุดท้ายทุกงานที่ออกมาก็เป็นงานที่พี่มีความสุขกับมัน

แล้วมุมมองส่วนใหญ่ในเนื้อเพลงหล่ะ พี่โป้นำมาจากไหน ?

YKPB : ก็จากตัวเองนี่แหละ บางทีเราไม่ต้องหยิบมุมมองของใครมาเลยก็ได้นะ รู้มั๊ยว่าพี่ใช้วิธีการอธิษฐานขอจากดนตรี ไม่รู้จะเชื่อรึเปล่า คือคุณวางปากกาวางกระดาษเลย จากนั้นก็ค่อยเปิดดนตรีของเราวนไป ทำตัวให้ว่างเปล่า เดี๋ยวเนื้อร้องมันก็มาของมันเอง (หัวเราะ) พี่ชอบวิธีแบบนี้เหมือนกันนะ คือมันได้เนื้อหาแบบค่อนข้างดิบ สดใหม่ แต่ปนเปไปด้วยอารมณ์

โยคี เพลย์บอย = อีโรติก ?

YKPB : จริงๆ เราไม่ได้ตั้งใจจะใส่ความเป็นอีโรติกลงไปหรอก ใช้คำว่ามันแทรกซึมผ่านบทเพลงเข้าไปแบบไม่รู้ตัวมากกว่า พี่โป้ว่าความเซ็กซี่ ความอีโรติกมันมีอยู่ในตัวทุกคนนะ บางคนอาจจะเป็นหลังใบหู จมูกส่วนปลาย หรืออะไรก็แล้วแต่ ทุกคนมีความเซ็กซี่หมด เพียงแต่ YKPB จับความอีโรติกมาอยู่ในกรู๊ฟของดนตรีเท่านั้นเอง อย่าง คืนนี้ขอหอม เองก็เป็นความอีโรติกแรกที่ทำให้เรากับคนฟังทั่วไปได้ทำความรู้จักกัน

รู้สึกอย่างไรกับการที่ YKPB ถือเป็น วงลุง ที่ยังได้รับการตอบรับการกลุ่มคนรุ่นใหม่อยู่เรื่อยๆ ?

YKPB : แปลกใจ และก็ตกใจที่น้องๆ หลานๆ ยังร้องเพลงของวงได้ โชคดีที่สิ่งที่เราเชื่อมันส่งผลกับพวกเค้า พี่ก็ยังเชื่อว่าเราทำงานออกมาให้ดีที่สุดก่อน ทำออกมาให้ดีจนคุณรู้สึกเชื่อมั่นในงานของคุณ และสิ่งเหล่านั้นมันจะส่งผลไปยังกลุ่มคนอีกรุ่นหนึ่งได้

EPISODE : ดนตรี

อัลบั้มไหนของ YKPB ที่พี่โป้รู้สึกว่าเป็น Master Piece ที่สุดของวง

YKPB : วายเคพีบี (YKPB) ครับ คือทุกอย่างมันออกมาแบบธรรมชาติที่สุด เนื้อกับทำนองออกมาพร้อมกันเลย คือร้องออกมาเลย อย่างเพลง “ทำร้าย” ก็มาจากวิธีนี้เลย พี่เองก็ไม่รู้ว่าใครส่งเพลงนี้มาให้ (หัวเราะ) พี่จำได้ว่าตอนนั้นเนี่ย ค่ายเบเกอรี่ มิวสิค มีคิวจะปล่อยอัลบั้มคนอื่นก่อน แต่พอพี่บอย (บอย โกสิยพงษ์) ได้ฟังปั๊ป พี่บอยรีบจูงมือพี่เข้าไปในห้องประชุม แล้วบอกทุกคนว่าเอาชุดนี้ออกก่อน และเค้าก็ให้พี่ร้องให้ฟัง ณ ตรงนั้นเลย (ฮา) คือทุกคนมั่นใจในงาน ตัวพี่เองก็มั่นใจในงาน เหมือนกับงานชิ้นนี้มันได้รับการจัดสรรมาแล้ว มันธรรมชาติมากๆ เพลงมันต้องเป็นแบบนี้แหละ และก็เป็นชุดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดด้วย

5 เพลงของ YKPB ที่มีความหมายกับชายที่ชื่อว่า “ปิยะ ศาสตรวาหา” มากที่สุด ?

YKPB : “เส้นชัย” คือเพลงที่อยู่ในช่วงที่สำคัญที่สุดในชีวิตการเป็นมนุษย์ของพี่เลย มันเป็นรอยต่อของความเป็นผู้ชายธรรมดาๆ สู่การเป็นพ่อคน มันเป็นอะไรที่ใหม่มากๆ เพราะเราคาดเดาไม่ได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ก็เลยอยากจะบันทึกอะไรบางอย่างให้กับตัวเองไว้ เผื่อย้อนกลับไปจะได้นึกออกว่าตอนนั้นเรามีความรู้สึกแบบนี้ เรามีพลังแบบนี้ที่มาจาก “ลูก” คือเขียนเพลงนี้ให้กับตัวเองในวันที่กำลังจะมีลูกสาวคนแรก

เพลงต่อมาคือ “พรหมลิขิต” เพลงนี้ไม่ใช่เป็นเพลงของ “โยคี เพลย์บอย” แต่เป็นเพลงของวงดนตรีระดับชั้นครูอย่าง “สุนทราภรณ์” คือพี่มีความเชื่อมั่นว่าอยากจะทำเพลงนี้ออกมาในสไตล์ของตัวเอง โดยที่ไม่เปลี่ยนเมโลดี้ และเนื้อร้องเลย ก็โชคดีที่ได้รับการตอบรับจากแฟนๆ อย่างอบอุ่นเช่นเคย อีกอย่างหนึ่งในมุมพี่ ความสำเร็จของการทำเพลงนี้ก็คือ ภรรยาของครูเอื้อ ท่านเอ่ยปากชมเราว่าทำออกมาได้ดีมา โอ้ พระเจ้า! เชื่อมั๊ย มันเหมือนพี่ได้หลุดออกจากโซ่ตรวน หลุดจากการถูกจองจำอย่างงั้นเลย คือดีใจมากๆ

“รามซิงค์ เรดิโอ” คือลิสต์ที่พี่เองเลือกเข้ามาแบบงง ๆ คือหลุดโลกไปเลย นึกไม่ออกจริงๆ ว่าตอนนั้นตัวเองคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงทำเพลงแบบนั้นออกมา (หัวเราะ) มันคงเป็นอารมณ์ที่พี่กับเพื่อนๆ อยากจะระบายอะไรสักอย่างผ่านเสียงกีต้าร์ จนถึงตอนนี้ พี่ก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่มันเคยเกิดขึ้น แต่พี่ชอบอารมณ์ที่ได้ทำมัน ณ ตอนนั้น

“คืนนี้ขอหอม” คือความสวยงามในชีวิตดนตรีของ YKPB จุดเริ่มต้นของเพลงนี้คือ วันหนึ่ง คุณฆ้อง (มือคีย์บอร์ด) ลองเล่นเพลงนี้ในแบบดนตรีบรรเลงให้พี่ฟัง พอเล่นจบ พี่ก็ออกปากขอแต่งเนื้อให้เลย เขียนเสร็จก็ร้อง แล้วพี่ก็ขอเพลงนี้จากคุณฆ้องตรงนั้นเลย (ฮา) คุณฆ้องคงคิดว่า ไอ้นี่มันแปลกจริงๆ มาถึงก็ขอเขียนเนื้อ เขียนเสร็จก็ยังเอาเพลงเราไปอีก เพลงนี้เป็นเพลงที่ชวนให้นึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุข ช่วงเวลาแบบเด็ก ๆ ไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง ทำด้วยความตั้งใจ ทำให้เต็มที่ และก็มีความสุขอยู่กับมัน เป็นช่วงที่พี่คิดว่าเพลงมันดี ชีวิตมีความสุขมาก พี่ชอบทุกๆ อย่างในเพลงนี้จริงๆ

เพลงสุดท้าย ?

YKPB : กลุ่มเพลงใหม่ๆ (WE Episode 1) เหมือน YKPB ยุคเก่าได้สลายร่างไปละ นี่เป็นจังหวะการประกอบร่าง YKPB ขึ้นมาใหม่ ช่วงนี้มันเหมือนกับการได้เรียนรู้ ฝึกฝน ทดลองดนตรีใหม่ๆ มันอาจจะไม่เรียบร้อยตามสไตล์ลุงๆ แต่เราก็ยังใส่อารมณ์ใหม่ๆ ลงไปในงานอยู่เสมอ พี่ว่ามันให้ความรู้สึกที่สดชื่นดีนะ

รู้สึกอย่างไรกับการที่เพลงของพี่โป้สามารถเข้าไปอยู่ในใจของใครหลายๆ คน และไม่ใช่แค่เพลงเดียว ?

YKPB : ขอบคุณที่ทุกคนยังเปล่งเสียงออกมา และร้องในบทเพลงที่เรารักเหมือนกันในทุกครั้งที่พี่ไปโชว์ตามคอนเสิร์ตต่างๆ นี่คือรางวัลแล้วครับ สำหรับมุมนักดนตรี ศิลปิน พี่คงไม่หวังอะไรไปมากกว่านี้แล้ว ขอบคุณทุกคนที่ยังให้ความสำคัญกับสิ่งที่พี่ และเพื่อนๆ สร้างขึ้นมา มันคือ รางวัลชีวิต

คลื่นลูกใหม่ที่น่าจับตาในมุมของพี่โป้ ?

YKPB : Better Weather พี่ชอบ attitude ในการนำเสนอ และก็เป็นวงที่ทำเพลงได้เพราะ ยังมี “Somkiat” วงนี้มีท่วงทำนองที่สวยงาม แบบไทย ๆ เลย ฟังแล้วรู้สึกเพลิน นอกจากนั้นก็คงจะเป็น “25Hours” ที่กล้าที่จะคงตัวตนความเป็นวง Folk Pop ซึ่งมีน้อยมากๆ ในวงการดนตรีบ้านเรา

Better Weather

Somkiat

25hours

จริง ๆ แล้ว พี่เองก็ยังติดตามน้อง ๆ หลาย ๆ วงเต็มไปหมด อยากจะฝากถึงน้อง ๆ ในวงการดนตรีบ้านเราว่า YKPB : จงทำให้เต็มที่ เรามาช่วยกันทำให้คำว่านักดนตรีนั้นเป็นคำที่มีเกียรติ อยากให้ทุกคนรู้ว่าพี่ยังแอบดูอยู่ และก็เชียร์หลายๆ วง

คิดจะทำเพลงไปจนถึงอายุเท่าไหร่ ?

YKPB : ก็เล่นไปเรื่อยๆ ในทางของลุง สำหรับตัวพี่ ความอยากในการทำเพลงมันคงไม่มีจุดสิ้นสุด… แซยิด is Nothing !!!

21 พยางค์ แทนคำขอบคุณสำหรับ 21 ปี ที่แฟน ๆ ยังคงรัก รัก และก็รัก “Yokee Playboy”

YKPB : ขอบคุณทุกคนที่ยังให้พื้นที่ ให้ความรัก คุณคือของขวัญอันล้ำค่าที่สุด

ท่ามกลางกระแสดนตรีที่เปลี่ยนไปอย่างมากมาย “Yokee Playboy” ยังคงเลือกที่จะยืนหยัด และเดินหน้าทำเพลงต่อในฐานะ “วงรุ่นลุง” (ตามที่พี่โป้บอก) กว่า 21 ปีในเส้นทางการทำเพลง คงจะเป็นบทพิสูจน์ชั้นยอดแล้วว่า ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร หากเรามีความตั้งใจที่จะทำอะไรสักอย่าง ขอแค่คุณใส่ความรักลงไป นั่นแหละคือส่วนผสมที่ลงตัว และกลมกล่อมมากที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด เหมือนกับบทเพลงของ “Yokee Playboy” ที่ก้าวเข้าไปอยู่ในใจของใครหลายต่อหลายคนนั่นเอง…

สุขสันต์วันเกิดปีที่ 21 ครับ… YKPB

ติดตามผลงานของ Yokee Playboy ตารางโชว์ของวง ตลอดจนเข้าไปติดตามพูดคุยกับพี่โป้แบบสบายๆ ได้ที่ เพจ YKPB และ Youtube Channel Yokee Playboy Official และสามารถติดตามอ่านข่าวอื่น ๆ ของ โป้ YKPB ได้ที่นี่

แด่ 21 ปีของ YKPB
เก้น นิติพงษ์ ยวนตระกูล

Music Trueid อัพเดทข่าวสารวงการเพลงไทยและสากล
ข่าว Gossip พร้อม Scoop เจาะลึกในมุมมองที่น่าสนใจ

และติดตามพวกเราชาว Intrend บันเทิง ได้ที่นี่

และ แอปพลิเคชั่น