รีเซต

ล้วงทุกมุมกับ 5 หนุ่ม LAZ1 ทุกความเป็นตัวตนที่คุณอาจจะยังไม่รู้ และไม่ได้มีความสามารถแค่ร้องเต้น (มีคลิป)

ล้วงทุกมุมกับ 5 หนุ่ม LAZ1 ทุกความเป็นตัวตนที่คุณอาจจะยังไม่รู้ และไม่ได้มีความสามารถแค่ร้องเต้น (มีคลิป)
MusicHot
11 เมษายน 2565 ( 16:17 )
1.3K

ทำวงการ T-POP สะเทือนอีกครั้งสำหรับ 5 หนุ่ม LAZ1 ที่ประกอบไปด้วย ต้าห์อู๋ พิทยา , ออฟโรด กันตภณ , ไดร์ม่อน ณรกร , เจลเลอร์ กฤติมุก , เป็นต่อ จีรภัทร ซึ่งวันนี้ 11 เม.ย. ทางทีม TrueID พาไปล้วงทุกมุมความเป็นตัวตนของพวกเขาที่คุณอาจจะยังไม่รู้ และอาจจะยังไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน พร้อมความเป็นมาของชื่อวงและซิงเกิลของพวกเขา TASTE ME ยิ่งไปกว่านั้นความรู้สึกต่อชาว เลเซอร์ ที่ได้ฟังแล้วต้องยิ้มแบบไม่หุบอย่างแน่นอน 

 

ที่มาที่ไปของชื่อวง?
ต้าห์อู๋ : ชื่อวงเราจริงๆ เราคิดกันหลายชื่อมาก แต่ที่ได้ชื่อนี้มาเพราะว่ามันไปเตะตากับชื่อของ LAZiCON ด้วย แล้วมันเป็นชื่อที่เราฟังแล้วเรารู้สึกว่านี่คือตัวเรา เพราะว่าจริงๆ เรารู้สึกว่าเราเป็น LAZ1 ของใครซักคนหนึ่งเพราะว่าเราถูกโหวตและถูกเลือกมาให้เป็นผู้ชาย 5 คนทั้งนี่ครับ 

รู้สึกยังไงบ้างพอปล่อยเพียงชื่อวงมาก็ติดเทรนด์ทวิตเตอร์เลย?
ออฟโรด : โห แบบดีใจดีใจมาก เพราะการตอบรับจากแฟนๆ ดีมากเลยครับ 

แฟนๆ หวีดทั้งโลโก้แล้วก็ชื่อวงรู้สึกยังไงบ้าง?
ออฟโรด :  ต้องขอบคุณทางทีมงานและผู้ใหญ่ทุกคนนะครับ กว่าเราจะปล่อยชื่อวงออกไปประมาณ 2 เดือนกว่าๆ แล้วเราทำโลโก้ทำแบรนด์ดิ้งออกไปทุกอย่างมันมีความหมายมากๆ เลยครับ 

เล่าถึงบรรยากาศวันเปิดตัวหน่อยเป็นยังไงบ้าง?
เจลเลอร์ : จริงๆ ทุกคนเห็นแหละว่าเราดูทวิตเตอร์กันอยู่ แล้วเราก็ตื่นมาตี5 6โมง เราก็เห็นว่าคนมารอเราอยู่แล้ว เราก็รู้สึกดีใจ แต่จริงๆ แล้วในระหว่างวันเราก็เป็นห่วงเขาเพราะว่าแดดเอยอะไรเลย เราไม่รู้ว่าเขาจะไปอยู่ยังไง สุดท้ายแล้วการตอบรับมันดีมากๆ ครับ ถึงแม้จบงานแล้วทุกคนก็ยังอยู่รอ พวกเราถึงจบงานเลย 
 
เตรียมตัววันนั้นกันยังไงบ้าง?
เจลเลอร์ : ก็มีการซ้อมครับ ซ้อมกันดึกอยู่เหมือนกันครับ 
ออฟโรด :  เอาจริงๆ การทำงานก็เราไม่ได้เตรียมกันมาแค่วันสองวันเราก็เตรียมกันมาเป็นเดือนครับ ก็ตั้งแต่รายการจบเราก็มีการเทรนด์กันมีการเรียนเต้นอะไรแบบนี้้ด้วยครับ วันทุกวันมันคือการทำงานหมดเลย แล้ววันที่เราเดบิวต์จริงๆ ก็คือวันที่ 7 เม.ย. แล้ววันที่ 7 เราก็มีโอกาสได้ไปบล็อกกิ้งเวทีจริงตอนเช้าก็ได้เจอแฟนคลับตอนเข้าด้วย

ซิงเกิลแรก TASTE ME ใช้เวลานานไหมกว่าจะปล่อยให้แฟนๆ ได้ดูกัน?
เจลเลอร์ : นานอยู่ครับ แต่คุ้มค่าที่มันออกมาดี ในการทำงานทุกคนได้มีส่วนร่วมกันหมดเลยครับ ตั้งแต่การร้องเพลงเนื้อร้องทุกคนมีส่วนช่วยกันหมดเลยครับ 

ในส่วนของท่าเต้นซ้อมกันนานไหม?
ต้าห์อู๋ : จริงๆ ท่าเต้นมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราจะได้ซ้อมกัน เพราะว่าตัวเพลงต้องมาก่อน เพราะว่าถ้าเพลงมาก่อนเราถึงจะทำโชว์ได้  มันซ้อมกันไม่ได้เยอะขนาดนั้นแต่ว่า ใช้เวลาทั้งหมดที่มันมีอยู่แบบคุ้มค่ามากๆ ทุกคนตั้งใจมากๆครับ 

บรรยากาศในกองถ่าย MV เป็นยังไงบ้าง?
เจลเลอร์ : สนุกมากครับ ไปถึงทุกคนตื่นตาตื่นใจกันมาก โปรดักชั่นยิ่งใหญ่มากครับ ทั้งโลเคชั่นทุกอย่างเลย พอไปถึงก็อู้อลังการมาก
ออฟโรด : แต่ละคนก็จะมีคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจนครับ 

พอเราได้รู้ว่าเราจะได้ถ่าย MV แล้วรู้สึกยังไงบ้าง?
ต้าห์อู๋ : ก็รู้สึกตื่นเต้นมากครับ เพราะว่ามันก็เป็นผลงานชิ้นแรกของพวกเราด้วย 
เป็นต่อ : ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่เพราะว่าพวกเราไม่เคยได้ผ่านตรงนี้มาก่อนด้วย ไม่เคยผ่านโปรดักชั่นใหญ่ขนาดนี้มาก่อน พอได้ไปเจอของจริงวันนั้นรู้สึกมันตื่นเต้นมากๆ จำทำยังไง ทำแล้วจะออกมาได้ดีไหม แต่บรรยากาศการทำงานก็คือดีมากเลยครับ 
เจลเลอร์ : ตอนแรกเราก็เกร็งๆ นิดหนึ่งครับ 

การแต่งกายในMVเราได้เพิ่มเติมอะไร?
ต้าห์อู๋ : จริงๆ คอสตูมเราค่อนข้างเชื่อใจ เพราะจริงๆ แล้วพวกผมก็ไม่ได้มีความรู้ในเรื่องแฟชั่นหนักขนาดนั้น อันนี้เลยปล่อยให้สไตลิสต์เป็นคนจัดการ แต่ก็คือทำออกมาให้เข้ากับคาแร็คเตอร์ของแต่ละคนครับ 
เป็นต่อ : เพราะว่าก่อนที่จะถึงวันถ่ายทำจริงๆ เราก็ทำการฟิตติ้งก่อนด้วยครับ ซึ่งในวันฟิตติ้งก็มีชุดมาให้เราเลือกเยอะมาก พี่ๆ สไตลิสต์ ก็จะถามเราตลอดเลยว่าเราใส่แล้วเป็นยังไงบ้าง มั่้นใจมั้ย จริงๆ พี่เขาก็รับฟังความคิดเห็นของเราทั้งหมดเลยครับ
 
เพลงแรกของพวกเราเราสื่อความหมายไปในรูปแบบไหน?
ต้าห์อู๋ : TASTE ME นะครับจริงๆ มันเป็นคำเชิญชวนชักมากกว่า TASTE ME  ด้วยความที่เป็นเพลงแรก เราเลยอยากให้ชูคาแร็คเตอร์ของพวกเรา จริงๆ เราอยากเชิญชวนให้มารู้จักกับพวกเรามากกว่าครับ ว่าจริงๆ แล้วพวกเราเป็นคนยังไงมันจะเป็นเพลงสนุกๆ ออกเซ็กซี่นิดหนึ่ง

ปล่อยเพลงไปวันแรกแฟนๆ ให้การตอบรับเป็นยังไงบ้าง?
ไดร์ม่อน : พวกเราค่อนข้างดีใจครับ เพราะว่ามันเป็นไปตามคาดที่เราคาดหวังกันไว้ด้วยครับ การตอบรับดีมากๆ ครับ 
เป็นต่อ : เป็นวันเดียวกับที่เราจะทำโชว์เคสด้วย จริงๆ เพลงปล่อยก่อนในสตรีมมิ่งตอนเที่ยงคืน มันมีผลตอบรับมาตั้งแต่ตอนเที่ยงคืน เราก็รู้สึกว่าเรารู้สึกภูมิใจมากๆ ที่เราตั้งใจทำกันทุกๆ ฝ่าย แล้วยิ่งเราปล่อย MV ตอน 6 โมงเย็น ผลตอบรับก็ดีมากขึ้นไปอีก แล้วพอเราขึ้นเวทีผลตอบรับก็ดีมากขึ้นไปอีก 
เจลเลอร์ : ผมชอบตอนหนึ่งที่เอารูปแฟนคลับ แล้วมาขึ้นจอใหญ่มากๆ แล้วก็รู้สึกดีมากๆ ครับ 

ทำไมเราถึงเลือกที่จะนำความหมายของเพลง TASTE ME มาเป็นซิงเกิลแรกของเรา?
ต้าห์อู๋ : ซึ่งมันเป็นซิงเกิลแรกของพวกเราด้วย แล้วรู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่บ่งบอกตัวตนของเราในแต่ละคนว่าเป็นยังไง มันเลยทำให้เหมือนรู้สึกว่าลองมา  TASTE ตัวซิ

รู้สึกยังไงกับคำว่าสร้างปรากฎการณ์ T-POP แบบใหม่?
ต้าห์อู๋ : คือก็ไม่ถึงกับว่าวงพวกเราเป็นวงที่ขับเคลื่อน T-POP ใช้คำว่าเป็นส่วนหนึ่งดีกว่า ที่เราเข้ามาเสริมทัพ เพราะว่าวงการ T-POP จริงๆ ผมไม่อยากให้มองว่าเรามาแข่งขันกัน จริงๆ ถ้าจะแข่งขันกันได้ผมอยากให้มันบูมก่อน แต่พวกเราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราต้องไปแข่งขันกับใคร ซึ่งอย่างวงเพื่อนบ้านเราเองเราก็สนิทกันครับ เจอกันก็ซัพพอร์ทซึ่งกันและกัน เขาก็มาในงานเรา หลายคนเลยที่เขามาในงาน T-POP ของเรานะครับ อย่างน้องๆ 4EVE หรือ ALTAS ทุกคนมีความสามารถ 
เป็นต่อ : ที่จะขับเคลื่อนวงการนี้อยู่แล้ว เราพูดไม่ได้หรอกว่าเราเป็นเบอร์หนึ่งหรือเป็นอะไรในการขับเคลื่อนเราแค่แบบเป็นส่วนหนึ่งในการที่เราพร้อมจะเดินไปกับคนอื่นๆ เราแค่เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริม T-POP ให้ก้าวไปด้วยกัน

เรามองวงการ T-POP เมืองไทยเป็นยังไงบ้าง?
ต้าห์อู๋ : ผมมองว่าวงการ T-POP เป็นเด็กที่เก่ง ผมว่าถ้าสังเกตดูดีๆ ตอนนี้  T-POP จะเป็นเด็กรุ่นใหม่ แล้วก็จะเป็นเด็กที่ คือกว่าเราจะมายืนตรงนี้ได้เราผ่านอะไรมากมาย มีคนบอกว่าการที่จะเป็นไอดอลมันไม่ง่ายเลย มันต้องร้องได้ เราต้องเต้นเป็น ที่สำคัญเราต้องคอยดูแลภาพลักษณ์ตลอด เพราะฉะนั้น มันคือสิ่งที่เราต้องรักษาและ Balance ให้ได้ มันไม่ง่ายเลยในการจะเป็นไอดอล เพราะฉะนั้นผมนับถือกับคนที่เข้ามาในวงการ ผมว่าพวกเขาเก่งมากๆ ครับ แต่ละคนต้องเทรนด์กันหนักมากๆ กว่าจะได้เดบิวต์ อย่างพวกเราเองเราก็ต้องผ่านการแข่งขันต้องตามล่าความฝันของพวกเรามา แล้วเพลงของวงการ T-POP มันค่อนข้างพัฒนาไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าทุกคนเริ่มเข้าใจมากขึ้น เข้าใจคนฟังมากขึ้น เข้าใจเทสว่าอันนี้แหละมันคือ T-POP มันก็คือเพลงป๊อบที่เราก็แค่อยากทำเพลงขึ้นมา  เราไม่ได้ยัดเยียดอะไรแล้ว เลยรู้สึกว่ามันเริ่มพัฒนาไปในอีกระดับหนึ่งแล้วครับ 

ปล่อยเพลงไปวันแรกแฟนๆ ให้การตอบรับเป็นยังไงบ้าง?
ไดร์ม่อน : พวกเราค่อนข้างดีใจครับ เพราะว่ามันเป็นไปตามคาดที่เราคาดหวังกันไว้ด้วยครับ การตอบรับดีมากๆ ครับ 
เป็นต่อ : เป็นวันเดียวกับที่เราจะทำโชว์เคสด้วย จริงๆ เพลงปล่อยก่อนในสตรีมมิ่งตอนเที่ยงคืน มันมีผลตอบรับมาตั้งแต่ตอนเที่ยงคืน เราก็รู้สึกว่าเรารู้สึกภูมิใจมากๆ ที่เราตั้งใจทำกันทุกๆ ฝ่าย แล้วยิ่งเราปล่อย MV ตอน 6 โมงเย็น ผลตอบรับก็ดีมากขึ้นไปอีก แล้วพอเราขึ้นเวทีผลตอบรับก็ดีมากขึ้นไปอีก 
เจลเลอร์ : ผมชอบตอนหนึ่งที่เอารูปแฟนคลับ แล้วมาขึ้นจอใหญ่มากๆ แล้วก็รู้สึกดีมากๆ ครับ 

ทำไมเราถึงเลือกที่จะนำความหมายของเพลง TASTE ME มาเป็นซิงเกิลแรกของเรา?
ต้าห์อู๋ : ซึ่งมันเป็นซิงเกิลแรกของพวกเราด้วย แล้วรู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่บ่งบอกตัวตนของเราในแต่ละคนว่าเป็นยังไง มันเลยทำให้เหมือนรู้สึกว่าลองมา  TASTE ตัวซิ

รู้สึกยังไงกับคำว่าสร้างปรากฎการณ์ T-POP แบบใหม่?
ต้าห์อู๋ : คือก็ไม่ถึงกับว่าวงพวกเราเป็นวงที่ขับเคลื่อน T-POP ใช้คำว่าเป็นส่วนหนึ่งดีกว่า ที่เราเข้ามาเสริมทัพ เพราะว่าวงการ T-POP จริงๆ ผมไม่อยากให้มองว่าเรามาแข่งขันกัน จริงๆ ถ้าจะแข่งขันกันได้ผมอยากให้มันบูมก่อน แต่พวกเราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราต้องไปแข่งขันกับใคร ซึ่งอย่างวงเพื่อนบ้านเราเองเราก็สนิทกันครับ เจอกันก็ซัพพอร์ทซึ่งกันและกัน เขาก็มาในงานเรา หลายคนเลยที่เขามาในงาน T-POP ของเรานะครับ อย่างน้องๆ 4EVE หรือ ALTAS ทุกคนมีความสามารถ 
เป็นต่อ : ที่จะขับเคลื่อนวงการนี้อยู่แล้ว เราพูดไม่ได้หรอกว่าเราเป็นเบอร์หนึ่งหรือเป็นอะไรในการขับเคลื่อนเราแค่แบบเป็นส่วนหนึ่งในการที่เราพร้อมจะเดินไปกับคนอื่นๆ เราแค่เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริม T-POP ให้ก้าวไปด้วยกัน

เรามองวงการ T-POP เมืองไทยเป็นยังไงบ้าง?
ต้าห์อู๋ : ผมมองว่าวงการ T-POP เป็นเด็กที่เก่ง ผมว่าถ้าสังเกตดูดีๆ ตอนนี้  T-POP จะเป็นเด็กรุ่นใหม่ แล้วก็จะเป็นเด็กที่ คือกว่าเราจะมายืนตรงนี้ได้เราผ่านอะไรมากมาย มีคนบอกว่าการที่จะเป็นไอดอลมันไม่ง่ายเลย มันต้องร้องได้ เราต้องเต้นเป็น ที่สำคัญเราต้องคอยดูแลภาพลักษณ์ตลอด เพราะฉะนั้น มันคือสิ่งที่เราต้องรักษาและ Balance ให้ได้ มันไม่ง่ายเลยในการจะเป็นไอดอล เพราะฉะนั้นผมนับถือกับคนที่เข้ามาในวงการ ผมว่าพวกเขาเก่งมากๆ ครับ แต่ละคนต้องเทรนด์กันหนักมากๆ กว่าจะได้เดบิวต์ อย่างพวกเราเองเราก็ต้องผ่านการแข่งขันต้องตามล่าความฝันของพวกเรามา แล้วเพลงของวงการ T-POP มันค่อนข้างพัฒนาไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าทุกคนเริ่มเข้าใจมากขึ้น เข้าใจคนฟังมากขึ้น เข้าใจเทสว่าอันนี้แหละมันคือ T-POP มันก็คือเพลงป๊อบที่เราก็แค่อยากทำเพลงขึ้นมา  เราไม่ได้ยัดเยียดอะไรแล้ว เลยรู้สึกว่ามันเริ่มพัฒนาไปในอีกระดับหนึ่งแล้วครับ 

ตอนนี้เหมือนเราก็เป็นไอดอลของน้องๆ ที่อยากจะเข้าวงการอยากจะแนะนำอะไรน้องๆ มั้ย?
ต้าห์อู๋ :  ก็อยากจะบอกว่าเส้นทางนี้มันไม่ง่าย มันไม่ง่ายจริงๆ มันไม่ง่ายเลย การที่จะเป็นไอดอลมันไม่ง่ายจริงๆ เหมือนอย่างที่บอกไปว่าเราต้องฝึกร้องฝึกเต้นการวางตัวดูแลภาพลักษณ์โอกาสอีก เราไม่รู้เลยว่าเราต้องอดทนไปแค่ไหน แต่อยากจะบอกว่าอย่ามองว่าปลายทางเราจะเป็นอะไร เราแค่มองว่าเราทำอะไรอยู่ เราชอบร้องชอบเต้นใช่มั้ยถ้าเรารักทำมันต่อไปอย่าไปมองว่าเราจะต้องเป็นแบบนี้แบบนี้ ให้เราทำในสิ่งที่เรารัก และมันจะพาเรามาถึงจุดนี้ครับ อยากให้ทำอะไรให้มีความสุขครับ 
เป็นต่อ : อยากให้ทุกคนเต็มที่และตั้งใจกับสิ่งที่ทำ อย่างที่พี่อู๋บอกครับ อยากให้มองตรงนี้เพราะสุดท้ายแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่าลืมว่าตัวเองเป็นใคร เพราะสุดท้ายแล้วใครที่ร้องได้เต้นได้ รักษาภาพลักษณ์ได้แปลว่าทุกคนจะเป็นไอดอลได้มั้ยก็ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทุกคนอยากดูมากที่สุดก็คือความเป็นตัวตนของตัวคุณเอง

เหมือนขยับตัวทำอะไรก็เป็นกระแสหมดเลยเราต้องปรับตัวเยอะมั้ย?
เจลเลอร์ : สำหรับตัวเจลเองเจลก็ไม่ค่อยได้ปรับอะไรเยอะครับ เพราะว่าทุกคนที่รู้จักเจลก็เพราะว่าเจลเป็นแบบนี้ แต่ก็พยายามรักษาภาพลักษณ์ไม่ให้ดูแย่ประมาณนี้ครับ 
เป็นต่อ : เราก็ค่อยๆ ปรับกันไปครับ ตั้งแต่ในรายการแล้ว เพราะว่ามันค่อยๆ มีคนรู้จักเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราก็ยังคงเป็นเราแบบนี้อยู่ เพียงแค่เราอาจจะมีความระมัดระวังมากขึ้นในการการกระทำหรือว่าในคำพูดต่างๆ เพราะว่าในบางครั้งมันอาจจะค่อนข้างที่จะเซนซีทีฟมากขึ้น

เราเคยคิดมั้ยว่าวันหนึ่งเราทำวงแล้วจะมีกระแสจากแฟนๆ เยอะขนาดนี้?
ต้าห์อู๋ : จริงๆ ถ้าถามความคาดหวังเราคิดว่าเกินนะ เพราะตั้งแต่ในรายการแล้วเราไม่คิดว่าเราจะเป็นกระแสขนาดนี้ เรารู้สึกว่าเวลาที่เราทำอะไรสนุกๆ คนดูก็จะสนุกกับเราด้วย ในการร้องเพลงหรือในรายการ อยากบอกว่ารู้สึกดีมากๆ แต่อย่างที่บอกว่ามันเกินความคาดหวังไปมากๆ เลยครับ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นดารานะ 

ส่วนหนึ่งที่เรามีวันนี้ได้ก็มาจากแรงจากแฟนๆ ด้วยอยากจะบอกอะไรกับเขามั้ย?
เจลเลอร์ : คือในส่วนที่เราทำงาน ถ้าเราไม่ได้มีแรงจะแฟนๆ เราก็อาจจะมีท้อบ้าง ก็ขอบคุณทุกๆ คนนะครับ ที่เป็นแรงให้เราทั้ง 5 คน ให้กำลังใจเราได้นะครับ ให้นานๆ ได้นะครับ แต่อย่าเหนื่อยนะ แต่ถ้าเหนื่อยพักนะ อย่าฝืนนะครับ เป็นห่วงนะครับ 

ชื่อแฟนคลับเลเซอร์ได้มายังไง?
ต้าห์อู๋ : อย่างเลเซอร์เราเป็นคนคิดครับ 
เป็นต่อ : จริงๆ มันเป็นการเปิดฟอร์ให้แบบมาแชร์ไอเดียกัน แล้ววันนั้นก็มีหลายร้อยเลย แล้วก็มานั่งเลือกกัน แล้วเรารู้สึกว่าความหมายมันดีจังเลย เราก็เลือกกันมาคนลอชื่อสองชื่อแล้วเราก็มานั่งคุยกันว่าจะเป็นยังไงแล้วเราก็มานั่งโหวตกัน แล้วสุดท้ายก็ออกมาเป็นเลเซอร์ จริงๆ ความหมายดีมากๆ แล้วเราก็มีความคิดเห็นตรงกันครับ 

ช่วยอธิบายความหมายหน่อย?
เป็นต่อ : ในส่วนของเครดิตที่คนคิดมาก็คือเขาจะเขียนมา 2 ความหมาย ความหมายแรกก็คือ เลเซอร์มันจะเป็นเหมือนลำแสงที่ยิงหลายๆ เส้นออกมาแล้วก็เป็นลำแสงเส้นเดียวกัน แล้วเขาก็จะเปรียบเหมือนแฟนคลับในบ้านต่างๆ ทั้ง 5 บ้าน ที่ยิงลำแสงออกมาแล้วเป็นลำแสงเดียวกันเลยกลายเป็น  LAZ1 เป็นพวกเราทั้ง 5 คนครับ ที่จะคอยซัพพอร์ทเราทั้ง 5 คน อีกความหมายหนึ่งก็คือแล้วจริงๆ มันมาจากคำว่า ลาส lase แล้วเติม er ที่เป็น คนของ lase หรือผู้ให้กำเนิด lase 

ความหมายดีแบบนี้พอแฟนๆ รู้ว่าใช้ชื่อนี้แฟนๆ ว่ายังไงบ้าง?
ต้าห์อู๋ : ชอบครับ
เจลเลอร์ : เขาชอบมากครับ
ออฟโรด : โดนไปเต็มๆ เลยครับ 

ย้อนกลับไปถึง TASTE ME กว่าจะจบกระบวนการเข้าห้องอัดถ่าย MV เราใช้เวลากับมันนานไหม?
เจลเลอร์ : เป็นเดือนนะครับ 
ต้าห์อู๋ : เพราะว่าเราทำงานทุกวันครับ 

เตรียมตัวเข้าห้องอัดกับการถ่ายทำ MV ยังไงบ้าง?
ออฟโรด :  ก็มีการซ้อมร้อง มีการเทรนด์เต้น เทรนด์ร้อง ร้องในที่นี้คือเราซ้อมร้องในตอนที่เราได้เนื้อเพลงมาแล้ว แล้วเราก็มีการเทรนด์เข้ายิมด้วย

การทำงานกับการเต้น COVER หรือการเต้นแบบเล่นๆ มันยากหรือแตกต่างกันยังไงมั้ย?
ต้าห์อู๋ : จริงๆ ไอดอลเราเทรนด์มาด้วยการร้องการเต้น อย่างในรายการเราร้องแล้วเราก็เต้นมาอยู่แล้ว เราเลยไม่ได้รู้สึกแตกต่าง
เจลเลอร์ : แต่ว่าตัวเจลเองเป็นคนที่เต้น COVER มาก่อน การ COVER คือเราต้องเป็นเขา แต่ความยากของอันนี้คือเราต้องเปลี่ยนมาเป็นเราที่คนอื่นต้องรับรู้ได้ด้วยว่านี่คือเรา  

ตอนนี้มายืนตรงนี้เกินฝันที่ฝันไว้มั้ย?
เจลเลอร์ :  มันยังไม่เกินฝันครับ เพราะว่ามันต้องสู้อีกเยอะเลยครับ แต่ถ้าถามว่ามันเกิดคาดมั้ย ตอนนี้มันเกิดคาดมากๆ ครับ 

หลังจากนี้เรามีผลงานอะไรเพิ่มเติมอีกมั้ย?
ต้าห์อู๋ : ช่วงนี้เราก็กำลังเดินสายไปตามรายการต่างๆ เพื่อโปรโมทเพลงครับ แล้วก็จะมีผลงานโฆษณาให้ติดตามกัน เดี๋ยวรอดูว่าจะมีอะไร รอติดตามได้ทางเพจ official ได้เลย ถ่ายทำเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ แต่ยังเป็นความลับอยู่ครับว่าจะออกเมื่อไหร่ยังไง (แย้มได้มั้ยว่าเป็นเกี่ยวกับอะไร?) เดี๋ยวรอทาง official ดีกว่านะครับ ติดตามทาง official ได้เลยครับ 

รู้สึกยังไงบ้างวงเพิ่งเดบิวต์แต่เรามีงานโฆษณาเข้ามาแล้ว?
ต้าห์อู๋ : จริงๆ เราก็มีโฆษณาเยอะ (หัวเราะ) ล้อเล่นครับ จริงๆ ต้องขอขอบคุณทางช่องวันดีกว่าครับ ที่คอยหาโอกาสมาให้พวกเรา ช่องวันคือเก่งมากๆ ที่หาโอกาสให้พวกเราก็รู้สึกดีใจ เพราะต้องบอกว่าจริงๆ มันเป็นผลพลอยได้จากความสำเร็จตั้งแต่รายการ LAZiCON ที่เห็นศักยภาพของพวกเราแล้วก็ต้องขอบคุณลูกค้าด้วยที่เลือกพวกเราแล้วก็ไว้ใจพวกเราที่ให้พวกเราได้ถ่ายทำโฆษณา หรือให้พวกเราได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ต่างๆ นะครับ ก็ยังอยากทำงานแบบนี้ แล้วก็ถ้ามีโอกาสก็อยากทำอีกนะครับ แล้วก็เต็มที่แน่นอนนะครับ ไฟแรงมากครับ 

เห็นแฟนๆ บอกว่าไม่ค่อยได้ยินเสียงน้องคนหนึ่งเลยในวง?
เจลเลอร์ : ไดร์ม่อน เลยครับ ไดร์ม่อน ไดร์ม่อน เสียงหายไปเลย
ไดร์ม่อน : ครับผม (จริงๆ เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้วมั้ย?) ผมพูดไม่ค่อยเก่งครับ .. 
เจลเลอร์ : เขาเขิน
ไดร์ม่อน : จริงๆ ไม่ได้เขินหรอก ผมไม่รู้ว่าผมจะพูดอะไรดีครับ 

แล้วเวลาเจอแฟนคลับเราคุยกับพวกเขายังไง?
ต้าห์อู๋ : อู้ย.. คนนี้เขาเก่งกับแฟนคลับอยู่แล้ว (หัวเราะ) คนนี้เขาเก่งอยู่แล้วในการอ้อยอิ่งแฟนคลับแพรวพราว
เจลเลอร์ : อย่าให้เขาขึ้นเวทีนะ 
ต้าห์อู๋ : ขึ้นเวทีนะครับองค์ลง เราชนะในรายการมาเพราะแฟนคลับ เพราะฉะนั้นเขาต้องมีวิธีตกแฟนคลับอยู่แล้วครับ 

เวลาเขาเจอแฟนคลับเขาจะเป็นยังไง?
เจลเลอร์ : รอยยิ้มครับ รอยยิ้มจะมาก่อนเลยเป็นอันดับแรก เขาจะมีความน่ารักของเขาครับในการตกแฟนคลับ ความสามารถของเขาเสียงร้องของเขาอะไรทำนองนี้ครับ 

ยอดวิวใน Youtueb เพิ่มขึ้นต่อเนื่องพร้อมด้วยคอมเมนต์ชมทุกเมนต์รู้สึกยังไงบ้าง?
ต้าห์อู๋ :  รู้สึกดีใจมากครับ แต่ก็ยังคงต้องพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ไปตลอดเลย เพราะว่าคำชมพวกนี้มันจะเป็นคำชมที่คอยค้ำเราอยู่เราก็ต้องพัฒนาต่อไป เวลาเราไปออกรายการอะไรที่ไหน เราก็ต้องทำให้ออกมาดีให้สมกับคำชมครับ
 
เรามีการระมัดระวังตัวแบบไหนในการพบเจอแฟนๆ และการไปออกรายการด้วยสถานการณ์แบบนี้?
ออฟโรด : ก็มีพวกพี่ๆ ทางท่มช่องวันที่พวกเขาคอยดูแล และคัดกรองใช้มาตรการการป้องกันเวลาเราเดินเจอใครอะไรทำนองนี้ครับ แล้วพวกเราก็ใส่แมสตลอดเวลาครับ 
ต้าห์อู๋ :  แล้วเวลาเรามาทำงานเราก็ทำการ ATK ทุกเช้า
เจลเลอร์ : เราก็พยายามใช้ของอะไรให้เป็นส่วนตัวของเราครับ 

ด้วยสถานการณ์แบบนี้แล้วเราเดบิวต์ในช่วงนี้คิดว่าใช้ชีวิตลำบากขึ้นมั้ย?
ต้าห์อู๋ : คือมันต้องปรับตัวครับ เพราะว่ามันเป็น newnormal เราก็ต้องปรับตัว
ออฟโรด : จริงๆ เราเจอสถานการณ์แบบนี้ก็เข้าปีที่3 แล้วเราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับ สถานการณ์เราก็ค่อยๆ ปรับตัวแล้วชินไปเรื่อยๆ ครับ 

ฝากบอกอะไรกับแฟนๆ ชาวเลเซอร์หน่อย?
ไดร์ม่อน : ก็ขอบคุณทุกๆ คนนะครับ ที่คอยอยู่เคียงข้างกันก็อยากให้ทุกคนคอยอยู่เคียงข้างกันตลอด ก็ขอบคุณมากๆ นะครับที่ทุ่มเทให้เราตลอด แล้วเราก็จะคอยทุ่มเทให้กับทุกคนนะครับ 

ฝากผลงาน?
ต้าห์อู๋ : ก็ฝากผลงานนะครับ กับซิงเกิลล่าสุดของพวกเรานะครับ TASTE ME ก็ฝากติดตามด้วย แล้วเราก็มีงานต่างๆ อีกนะครับ อย่างที่บอกไปไม่ว่าจะเป็นงานโฆษณาก็ฝากเข้าไปดูกดไลก์กดแชร์ให้ด้วยนะครับ หรืออาจจะมีแคมเปญสนุกๆ ก็ดูกันได้นะครับ 
เป็นต่อ : สามารถเข้าไปดูผลงานของพวกเราได้ที่ official นะครับ

 

 

ฟังเพลงออนไลน์ เพลงใหม่ ได้แล้ววันนี้บน TrueID ทั้ง เว็บไซต์ และ แอปพลิเคชัน

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง