"RUEL" ปล่อยซิงเกิลใหม่สุดเร้าใจ "I Can Die Now"
"RUEL (รูล)" ศิลปินป๊อปชื่อดังชาวออสเตรเลียปล่อยซิงเกิลใหม่สุดเร้าใจ "I Can Die Now" ซึ่งพร้อมให้ฟังกันแล้วผ่าน Giant Music ซึ่งเพลง "I Can Die Now" นั้นโปรดิวซ์และร่วมแต่งโดย "Julian Bunetta" (เคยร่วมงานกับ Sabrina Carpenter, One Direction) ร่วมกับ "Ammo (Beyoncé , Britney Spears), Jkash (Charlie Puth , Dua Lipa), Mark Schick (Nessa Barrett , Benson Boone), Ed Drewett (Niall Horan)" เป็นเพลงป็อปทรงพลังเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ถ่ายทอดความรู้สึกที่พลุ่งพล่านของการตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เพลงนี้ถือเป็นการเปิดตัวรสชาติใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอัลบั้มชุดที่ 2 ของ Ruel ที่หลายคนรอคอย ซึ่งจะปล่อยออกมาปลายปี 2025 พร้อมปูทางสู่บทใหม่ที่กล้าหาญและกว้างไกลยิ่งขึ้นของเขา
นอกจากนี้ "RUEL" ยังส่งมิวสิกวิดีโออย่างเป็นทางการในวันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม ซึ่งกำกับโดย "sweetiepie" (Neema Sadeghi + Ethan Frank) ที่เคยทำผลงานให้กับ Gracie Abrams, Role Model และ Lizzy McAlpine โดยมิวสิกวิดีโอจะเปิดตัวครั้งแรกในเวลา 9:00 น. ตามเวลาทางฝั่งตะวันออกของอเมริกา ทาง MTV Live, MTVU, MTV Biggest Pop และ บนบิลบอร์ดย่าน Paramount Times Square แนวทางโปรโมตเพลงนี้มีความขี้เล่นและน่าติดตาม โดยมุ่งเน้นไปที่การวินิจฉัยทางการแพทย์แบบสมมติที่เรียกว่า "กลุ่มโรคประสาทที่มีความปรารถนาขั้นรุนแรง (ICDN)" แนวคิดนี้มาจากมิวสิกวิดีโอเหนือจริงของซิงเกิลนี้ที่เล่าเรื่องราวของ "Ruel" ที่เข้ารับการรักษาจากภาวะตกหลุมรักจนสติหลุด แฟนเพลงจะได้รับเชิญให้เข้าไปอยู่ในโลกอันเจิดจ้าผ่านเนื้อหาและการเล่าเรื่องที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชม ซึ่งทำให้ไอเดียนี้มีชีวิตชีวาด้วยอารมณ์ขันและความอบอุ่นหัวใจ
เพื่อเฉลิมฉลองกับการเปิดตัวเพลงนี้ "RUEL" ยังได้จัดกิจกรรมป๊อปอัปสุดพิเศษ ที่สุสาน Hollywood Forever Cemetery อันโด่งดังในลอสแอนเจลิส ที่ซึ่งเขาจะแสดงสดครั้งแรกในสหรัฐอเมริกากับเพลง "I Can Die Now" โดยก่อนหน้านี้ เขาเคยโชว์เปิดตัวครั้งแรกที่ Red Bull Symphonic shows in Sydney มาแล้ว "Ruel" พูดถึงซิงเกิลนี้ว่า "ผมรอมานานแสนนานที่จะได้ปล่อยเพลง I Can Die Now ออกมา ผมชอบความขัดแย้งกันระหว่างชื่อเพลงกับธีม รวมถึงพลังงานของเพลงนี้ ถ้าคุณได้ฟังแล้วจะรู้เลยว่าผมหมายถึงอะไร ยิ่งไปกว่านั้น ICDN ยังเป็นรสชาติแรกของอัลบั้มใหม่ของผมว่าจะออกมาเป็นอย่างไร"
"I Can Die Now" ถูกเขียนขึ้นระหว่างการทำงานในแนชวิลล์และถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในปีที่ "RUEL" ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม หลังย้ายไปอยู่ที่ลอสแอนเจลิสและเซ็นสัญญากับ Giant Music เขาก็ได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงระดับแนวหน้ารุ่นใหม่ที่มาปลดล็อกแนวดนตรีที่สดใหม่ ซิงเกิลนี้สะท้อนถึงความมั่นใจและอิสระแห่งการสร้างสรรค์ที่ขับเคลื่อนไปสู่บทต่อไป เพลงนี้เป็นผลงานต่อเนื่องจากปี 2024 ที่อัดแน่นไปด้วยผลงานของ "Ruel" ทั้งการปล่อย EP ชุดที่ 4 และโปรเจกต์คัฟเวอร์ครั้งแรกในชื่อ Adaptations รวมถึงการขึ้นแสดงสดครั้งแรกบนเวที Lollapalooza Chicago ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของผู้ชมอย่างไม่ต้องสงสัย การเปิดตัวครั้งแรกในเทศกาลดังกล่าวยังส่งให้เขาเป็นที่จับตามองในระดับโลก การทัวร์รอบโลกที่บัตรขายหมดเกลี้ยงถึง 4 ครั้ง, การแสดงในงาน Camp Flog Gnaw ของ Tyler, the Creator และการขึ้นแสดงในฐานะศิลปินรับเชิญหลายครั้งในงาน Coachella ร่วมกับศิลปินอย่าง SG Lewis และเพื่อนที่ร่วมงานกันมายาวนาน Omar Apollo
"I Can Die Now" สะท้อนถึงความมั่นใจและความขี้เล่นที่เพิ่มขึ้นของ Ruel พร้อมนำเสนอรสชาติแรกของดนตรีและจิตวิญญาณที่แฟนเพลงสามารถคาดหวังได้จากเขาในบทถัดไป
เกี่ยวกับ "RUEL"
"RUEL" เป็นที่รู้จักในฐานะซูเปอร์สตาร์ที่มีความลึกซึ้งด้วยการแสดงออกถึงสไตล์และความละเมียดละไมเกินวัย คงความอ่อนน้อมแต่เปี่ยมความมั่นใจทั้งบนเวทีและหลังเวที ไม่ว่าจะนั่งแถวหน้าในงาน Paris and New York Fashion Weeks, ร่วมแสดงกับวง orchestras ที่ Budapest หรือ จัดฟรีคอนเสิร์ตป๊อปอัปให้แฟนเพลงได้เซอร์ไพรส์ไปทั่วโลก เสน่ห์ที่จริงใจและไม่โอ้อวดของ "Ruel" ทั้งในฐานะศิลปินและในฐานะคนคนหนึ่งคือสิ่งที่ดึงดูดใจอย่างยิ่ง
นับตั้งแต่เดบิวต์เมื่อปี 2017 ด้วยวัยเพียง 14 ปี "RUEL" ก็สร้างผลงานอันน่าทึ่งเรื่อยมา โดยเฉพาะซิงเกิล Painkiller และ Dazed & Confused ที่ได้รับการรับรองระดับทองจาก RIAA สมาคมอุตสาหกรรมแผ่นเสียงแห่งอเมริกาและเส้นทางในฐานะศิลปินที่กวาดรางวัลมากมาย เขามีผลงานมาแล้ว 4 EP และอัลบั้มแรกสุดปัง รวมถึงยอดสตรีมรวมกันมากกว่า 3 พันล้านครั้ง มีอะไรให้น่าประทับใจไปกว่านี้ ? กับความจริงที่ว่าเขาประสบความสำเร็จทั้งหมดที่ว่ามาก่อนจะอายุ 21 ปีเสียอีก ด้วยความสำเร็จมากมายในการเป็นศิลปิน ชื่อของ "Ruel" จึงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากจำนวนแฟนเพลงที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในทั่วทุกมุมโลก "Ruel" จึงได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในศิลปินผู้ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งแห่งยุคในรุ่นของเขาเลยทีเดียว
"RUEL" ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปอย่างมากในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เริ่มแรกเขาเปลี่ยนบรรยากาศจากชายหาดของซิดนีย์มาสู่ศูนย์กลางทางดนตรีที่ลอสแอนเจลิส ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ยิ่งเด่นชัด เมื่อศิลปินผู้กวาดรางวัลมาแล้วมากมายได้รับการต้อนรับสู่ครอบครัว Giant Music ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ The Azoff Company การเซ็นสัญญาครั้งนี้นำโดยประธานค่าย Nate Albert ซึ่ง Ruel ถือเป็นศิลปินรายแรกที่เขาเซ็นสัญญาโดยตรง หลังจากเคยดำรงตำแหน่งที่ Capitol Records และ Warner Music ซึ่งเขารับผิดชอบกับการเซ็นสัญญาของศิลปินดังๆ อย่าง The Weeknd, Maggie Rogers และ Omar Apollo เพื่อเฉลิมฉลองบทใหม่แห่งการก้าวสู่การเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก "Ruel" จึงก้าวสู่สตูดิโอที่เขาได้ร่วมงานกับทีมโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงของเขาที่เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ (และมีรางวัลการันตี) กลุ่มศิลปินฝ่ายสร้างสรรค์นี้ประกอบด้วย Julian Bunetta (One Direction, Sabrina Carpenter, Teddy Swims), Joel Little (Taylor Swift, Khalid, Gracie Abrams), Kenny Beats (Ed Sheeran, Dominic Fike, Freddie Gibbs) กับโปรดิวเซอร์และที่ปรึกษาที่ร่วมงานกับเขามาอย่างยาวนาน M-Phazes (Eminem, Madonna, Kehlani, Demi Lovato)
"RUEL" ยังคงนำเสนอผลงานใหม่ ๆ ที่โดดเด่นและท้าทายอย่างต่อเนื่อง ความหลากหลายทางดนตรีของเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามันเกือบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจัดเขาไว้ในหมวดหมู่ดนตรีใดเพียงอย่างเดียว ความสามารถในการผสมผสานและดำดิ่งสู่แนวดนตรีที่หลากหลายเปิดโอกาสให้ "Ruel" ได้ร่วมงานกับศิลปินหลายแนว ไม่ว่าจะเป็น นักร้อง/นักแต่งเพลง อย่าง Grent Perez, Lime Cordiale, Holly Humberstone, JVKE รวมถึง โปรดิวเซอร์ SG Lewis และศิลปินฮิปฮอป อย่าง Denzel Curry และ GoldLink กองทัพแฟนคลับนานาชาติของ "Ruel" เริ่มเปิดสัมผัสที่ 6 ของตัวเอง ด้วยสายตาที่จับจ้องว่ากำลังจะมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นและแน่นอนว่า พวกเขาคิดถูก "Ruel" ปล่อยเพลงจังหวะสนุก ๆ ที่ผสานเสียงปรบมือเป็นจังหวะ "I Can Die Now" เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ถึงรสชาติแรกของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพลงนี้ถือเป็นซิงเกิลนำร่องจากอัลบั้มชุดที่ 2 ที่ยังไม่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ICDN ส่งสัญญาณว่าความยิ่งใหญ่กำลังจะตามมา